xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.มองเหล็กต้นน้ำในไทยอีก 4-5 ปีก็ยังไม่เกิด ชี้ “มีก็ดี ไม่มีก็ได้”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท.มองอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำในไทยยังคงปิดประตูการลงทุนไปอีก 4-5ปี เหตุกำลังการผลิตโลกยังล้นตลาด ชี้ “มีก็ดี ไม่มีก็ได้” พร้อมเตรียมฟอร์มทีมหารือ พ.ย.นี้กับผู้ประกอบการมาเลเซียเพื่อเปิดช่องร่วมมือในการเปิดตลาดเหล็กมากขึ้น

นายวิกรม วัชระคุปต์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในอีก 4-5 ปีข้างหน้าอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำสำหรับประเทศไทยแล้วคงยากที่จะเห็นการลงทุน เนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมเหล็กทั่วโลกยังคงมีกำลังการผลิต (Supply) มากกว่าความต้องการ (Demand) แม้แต่ภูมิภาคอาเซียนเองก็คงจะไม่กล้าขยับเช่นกันภายหลังจากที่อุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำที่เวียดนามได้ก่อสร้างโรงงานแล้วเสร็จแต่ยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้

“ปัญหาของเวียดนามเราเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร ซึ่งส่วนหนึ่งก็มองว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยกรณีนี้ถือเป็นกรณีศึกษาว่าการจะไปลงทุนที่ที่ซึ่งไม่ใช่ประเทศของตนเองก็อาจมีปัญหาได้ ส่วนอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำในไทยนั้นถามว่ามีก็ดี ไม่มีก็ได้ มีแล้วดีก็เพราะหากจะพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องให้มีศักยภาพการแข่งขันอุตสาหกรรมต้นน้ำไม่ว่าจะเป็นโลหะ เครื่องจักรกล ฯลฯ เหล่านี้ก็ล้วนต้องมีพื้นฐานจากเหล็กทั้งสิ้น ส่วนที่บอกไม่มีก็ได้เพราะก็อยู่ที่นโยบายรัฐไม่มีเราก็ต้องปรับไปสู่การผลิตที่มองเครือข่ายร่วมมือกับต่างประเทศและพัฒนาไปสู่สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม” นายวิกรมกล่าว

ปัจจุบันการลงทุนเมกะโปรเจกต์ภาครัฐขณะนี้มีส่วนสำคัญต่อการผลักดันการใช้เหล็กในประเทศให้เติบโตขึ้น โดยช่วงครึ่งปีแรกการใช้เหล็กมีอัตราการเติบโตระดับ 6-7% โดยทั้งปีก็น่าจะโตในระดับดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางเอกชนเองก็กำลังหารือที่จะปรับตัวที่จะทำอย่างไรให้การใช้เหล็กของไทยนั้นมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะระบบรางที่มีการลงทุนและบางส่วนนำเข้าจากต่างประเทศมา โดยจะต้องทำให้เห็นเหตุผลที่จำเป็นต้องใช้ของไทย เช่น เหล็กของไทยเป็นเหล็กรีไซเคิลจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำกว่า ฯลฯ

นอกจากนี้ จากปัญหาการโดนสินค้าจากจีนทุ่มตลาดโอกาสที่ไทยจะแข่งขันในตลาดล่างต่อไปคงจะยากซึ่งไม่ใช่เพียงกลุ่มเหล็ก หลายสินค้าไทยเองก็เจอปัญหาเช่นกันเช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้างไทยเองก็เจอหมด ทั้งกระจก อะลูมิเนียม กระเบื้อง ฯลฯ ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนอาเซียนในเดือน พ.ย.นี้เราจะหารือกับมาเลเซียที่ปัจจุบันโรงงานเหล็กรีดร้อนปิดกิจการเพราะประสบภาวะขาดทุน แต่มาเลเซียต้องการเหล็กรีดร้อนพอสมควรไทยจะหารือถึงโอกาสแลกเปลี่ยนสินค้าหรือความร่วมมือที่จะต้องไปเจรจาและหารือเพื่อที่จะให้อุตสาหกรรมภาพรวมไปกันได้แทนที่จะมาแข่งขันกันเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น