ผู้จัดการรายวัน 360 - อ.ส.ค.ชูแผนพัฒนานมแบรนด์ “ไทย-เดนมาร์ค” ตรึงใจคนไทย ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย “นมแห่งชาติ” ด้วยยอดขายเติบโตทะลุ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2564 พร้อมสร้างอาชีพการเลี้ยงโคนมพระราชทานให้มั่นคงและยั่งยืน
ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า อ.ส.ค.เตรียมเร่งขับเคลื่อนแผนวิสาหกิจปี 2560-2564 เพื่อพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์นม “ไทย-เดนมาร์ค” ให้ก้าวสู่แบรนด์นมแห่งชาติภายใน 5 ปีข้างหน้าตามวิสัยทัศน์องค์กร โดยมี 4 แผนหลัก ประกอบด้วย 1. ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้เป็นอาชีพแก่เกษตรกรไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน 2. พัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมนมให้ครบวงจรและมีมูลค่าเพิ่ม 3. สร้างแหล่งความรู้ด้านกิจการโคนมและอุตสาหกรรมนม 4. มุ่งบริหารจัดการองค์กรให้เป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูงด้วยหลักธรรมาภิบาล
อ.ส.ค.มีเป้าหมายผลักดันให้แบรนด์ “ไทย-เดนมาร์ค” เป็นแบรนด์ที่ติดอยู่ในใจของคนไทย พร้อมตั้งเป้ายอดขายรวมไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาทในปี 2564 โดย อ.ส.ค. จะมีการเติบโตไปพร้อมกับปริมาณการผลิตน้ำนมดิบของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ส่วนในปี 2559 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 8.5 พันล้านบาท
อ.ส.ค.มีแนวคิดที่จะพัฒนาพื้นที่ อ.ส.ค.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ให้เป็นหุบเขาแห่งอุตสาหกรรมโคนม (DPO Milk Valley) ซึ่งเป็นหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนแผนวิสาหกิจดังกล่าวเพื่อก้าวเข้าสู่นมแห่งชาติ เน้นสร้างความมั่นคงและยั่งยืนของอาชีพการเลี้ยงโคนมพระราชทาน โดยมุ่งพัฒนาองค์ความรู้และยกระดับอุตสาหกรรมโคนมแบบครบวงจรที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทยและคำนึงถึงสภาพแวดล้อมและสังคม พร้อมดำเนินการวิจัยและพัฒนานำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งยังมุ่งสร้างความสามารถการแข่งขันเพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ เช่น ฟาร์มโคนมออร์แกนิก, ศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนม, ศูนย์วิจัย, โรงงานผลิตภัณฑ์นมมาตรฐานสูง, ตลาดจำหน่ายสินค้าคุณภาพ และศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังมุ่งปรับปรุงและพัฒนากระบวนการทำงานในทุกกระบวนการ มีการพัฒนาระบบสารสนเทศให้เชื่อมโยง สามารถวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ที่สำคัญยังพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีสมรรถนะสูงขึ้นโดยเฉพาะนักส่งเสริมและวิจัยการเลี้ยงโคนมเพื่อให้มีองค์ความรู้และทักษะที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรในการรองรับการเปลี่ยนแปลงและก้าวเข้าสู่นมแห่งชาติภายในปี 2564 สามารถทำให้อาชีพการเลี้ยงโคนมพระราชทานมีความมั่นคงและยั่งยืน สามารถผลิตผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย ทำให้คนไทยมีสุขภาพดี
ดร.ณรงค์ฤทธิ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน อ.ส.ค.จำเป็นต้องสร้างทีมงานรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทนและเสริมทีมบุคลากรที่มีอยู่เดิมเพื่อรองรับและขยายการพัฒนาการเลี้ยงโคนมต่อไปในอนาคต โดย อ.ส.ค.จะเป็นสถาบันเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรและช่วยยกระดับองค์ความรู้ให้แก่สหกรณ์โคนมและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเพื่อให้ดำเนินงานและพึ่งพาตนเองได้ เช่น การให้บริการสัตวแพทย์ผสมเทียม, การดูแลสุขภาพโคนม, การพัฒนาคุณภาพน้ำนมดิบ และการดูแลบำรุงรักษาเครื่องรีดนม เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังจะพัฒนาและฟื้นฟูโครงการนักเรียนฟาร์ม รุ่นละ 20-30 คน เพื่อเป็นต้นแบบด้านการส่งเสริมและวิจัยการเลี้ยงโคนม พร้อมสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่และพัฒนาศักยภาพผู้จัดการฟาร์มโคนม และสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ ในทุกภูมิภาคเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรด้วย