ผู้จัดการรายวัน 360 - เศรษฐกิจซึมทำคลินิกความงามสะดุด งดใช้สื่อทำการตลาด “ธนพรคลินิก” สบโอกาสอัด 30 ล้านบาท เร่งปรับจุดอ่อน ชูบริการระดับพรีเมียม หวังขยับรายได้กลับมาโต 10% เชื่อคลินิกความงามยังรุ่ง เล็งทุ่มงบกว่าพันล้านผุดโรงพยาบาลในอีก 10 ปีข้างหน้า พร้อมขยายสาขาสู่ 40 สาขาใน 5 ปีนี้
นายแพทย์เลอพงษ์ กรุดเงิน ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายแพทย์ บริษัท เอสเธติก คอลซัลแทนท์ จำกัด ผู้ให้บริการคลินิกความงาม “ธนพรคลินิก” เปิดเผยว่า ตลาดคลินิกความงามช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเติบโตสูงมาก จากตัวเลขคลินิกเวชกรรมจดทะเบียนในปี 2556 อยู่ที่ 10,000 ราย มาปี 2558 เพิ่มเป็น 28,000 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวกว่า 40-50% จะเป็นคลินิกความงามซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงถึง 25,000-30,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม พบว่าจากสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างนิ่ง ส่งผลให้คลินิกที่มีหลายสาขาประสบปัญหายอดขายลดลง 10-40% สังเกตได้จากคลินิกใหญ่ๆ ที่มีสาขาเยอะๆ มีการปิดสาขา และยุบรวมเหลือสาขาเดียวในหนึ่งจังหวัด เป็นต้น เพราะมีต้นทุนทั้งค่าเช่าสถานที่ บุคลากร แพทย์ และพนักงาน ต้นทุนสินค้า เครื่องมือและนวัตกรรมต่างๆ ที่สำคัญจากเดิมที่คลินิกความงามจะใช้สื่อโฆษณาโดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์สูงมากปีนี้กลับเงียบลง และหันหลับมาเล่นเรื่องของโปรโมชันราคาส่งเสริมการขายเป็นหลัก ส่วนพฤติกรรมลูกค้าจะมีความระมัดระวังการใช้เงิน จะเลือกซื้อคอร์สที่คิดว่าคุ้มค่า วัดผลได้
นายชยุตม์กันต์ พงศ์จิรกร ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายการตลาด บริษัท เอสเธติก คอลซัลแทนท์ จำกัด กล่าวต่อว่า ช่วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสของธนพรคลินิกในการรุกทำตลาด ล่าสุดได้ทุ่มงบ 30 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสสุดท้าย สำหรับการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ให้ดูพรีเมียม กับการสร้าง Brand Awareness ผ่านสื่อออนไลน์, ออฟไลน์ และออนกราวด์ พร้อมเชิญ 4 โซเชียลเซเลบริตี้ผู้หญิงมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ในการเป็นตัวแทนนวัตกรรมความงามที่เหมาะกับแต่ละช่วงวัย จากเดิมที่มี ออย-ธนา สุทธิกมล เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อยู่แล้ว
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีแผนระบะสั้นและระยาวในการขยายสาขาและโรงพยาบาล ภายใต้งบประมาณรวมกว่า 1,000-1,300 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. แผนระยะสั้น 5 ปีหลังจากนี้จะใช้งบกว่า 250-300 ล้านบาท เพิ่มสาขาใหม่ 24 สาขา ให้ได้ 40 สาขาทั่วประเทศภายในปี 2565 แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 25 สาขา และต่างจังหวัด 15 สาขา จากปัจจุบันธนพรคลินิกมี 16 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 12 สาขา ต่างจังหวัด 4 สาขา 2. แผนระยะยาวใน 10 ปีข้างหน้า หรือในปี 2570 พร้อมใช้งบไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับโครงการโรงพยาบาลความงามแบบครบวงจร ในกรุงเทพฯ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงศึกษาหาข้อมูล ทำเล และที่ดิน เพื่อรองรับตลาดความงามทั้งในประเทศและต่างประเทศ
จากปัจจุบันมีลูกค้าเข้าใช้บริการรวมทุกสาขาต่อปีมากกว่า 150,000 ครั้ง จากจำนวนทั้งสิ้น 40,000 ราย โดยลูกค้าที่ใช้บริการมี 4 กลุ่มหลัก คือ 1. แพลทินัม ที่มีสมาชิกอยู่กว่า 500 ราย ยอดใช้จ่ายเกิน 100,000 บาทขึ้นไป 2. โกลด์ ยอดใช้จ่าย 50,000-100,000 บาท 3. คลาสสิก ยอดใช้จ่าย 10,000-50,000 บาท และ 4. เมมเบอร์ ต่ำกว่า 10,000 บาท
ทั้งนี้ จากแผนงานที่วางไว้เชื่อว่าจะช่วยให้ปีนี้มีรายได้เติบโต 10% เท่าปีก่อน หลังครึ่งปีแรกยอดขายลดลง 10% และปีหน้าตั้งเป้าโต 10% เช่นกัน โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจาก ทรีตเมนต์ดูแลผิวหน้า 30% ผลิตภัณฑ์ยาและเวชสำอาง 25% เลเซอร์ดูแลผิวหน้า 20% ฉีด Botox & Filler 20% และศัลยกรรมความงาม 5% ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย 95% และต่างชาติเพียง 5%
