ศูนย์ความงามแข่งระอุ “ของขวัญคลินิก” ปรับทิศรุกตลาดกลางลงล่าง

ASTV ผู้จัดการรายวัน - ตลาดคลินิกความงามแข่งเดือด “ของขวัญคลินิก” ทุ่ม 200 ล้านบาท ผุด 3 สาขาปี 59 พร้อมรุกเออีซีอีก 3 ประเทศ ล่าสุดส่งแคมเปญ “บัตร K Prestige Club” ตามรอยใช้บริการแบบสปอร์ตคลับ จ่ายค่าบริการครั้งเดียวใช้ได้ตลอดปี หวังเจาะฐานลูกค้ากลุ่มกลางลงล่าง ด้วยยอดสมาชิกกว่า 3 พันคน มั่นใจดันการเติบโตกลับมาทะลุ 25%ในปี 59 จากปีนี้ทำใจ 8 เดือนเติบโต 10% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี

แพทย์หญิงของขวัญ วินธุพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ของขวัญคลินิกเวชกรรม จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจคลินิกความงาม “ของขวัญคลินิก” เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจคลินิกความงามมูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ยังคงเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10% แม้ว่าต้นปีจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องภาวะเศรษฐกิจ รัฐบาลเน้นปฏิรูปเศรษฐกิจ รวมถึงที่ผ่านมามีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดทำให้ลูกค้าไม่มั่นใจไปบ้าง แต่บริษัทฯ ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี เพราะมีฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน

ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังคงมีการเติบโต 10% จากเป้า 15-20% ต่ำสุดในช่วง3ปีที่ผ่านมา ถือเป็นการเติบโตที่ยังดีอยู่เมื่อเทียบกับค่าจีดีพีของประเทศที่น่าจะเติบโตเพียง 2-3% บวกกับการแข่งขันที่รุนแรงโดยเฉพาะในเรื่องของการตัดราคา ส่งผลให้ในไตรมาสสุดท้าย บริษัทฯ พร้อมเปิดตัวบัตร “K Prestige Club” บัตรเดียวที่ให้ลูกค้าสวยอย่างมั่นใจกับคอนเซ็ปต์ “Worry Free ประกันภัยความสวยรายปี แบบไม่มีข้อจำกัด” ระหว่างวันที่ 3-9 ก.ย. 58 ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว มั่นใจว่าจะมีผู้สนใจสมัครบัตรสมาชิกกว่า 500 รายภายในงาน

สำหรับบัตร “K Prestige Club” เป็นบัตรสมาชิกที่มีรูปแบบการให้บริการแบบเดียวกับการสมัครสมาชิกสปอร์ตคลับแบบรายปีที่สามารถเข้าใช้บริการได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง มีให้เลือก 8 แพกเกจ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงล่าง อย่างกลุ่มแม่บ้าน วัยทำงาน และวัยรุ่น โดยคาดว่าภายในปี 2559 จะมีสมาชิกกว่า 3 พันรายจากปัจจุบันที่มีฐานสมาชิกจากแพกเกจอื่นๆ อยู่แล้ว 2.5 หมื่นราย

“บัตร K Prestige Club ถือเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยในเรื่องการเพิ่มฐานสมาชิกในการเข้าใช้บริการ รวมถึงความภักดีต่อแบรนด์และความเชื่อถือในแบรนด์มากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง ลูกค้ามีการสวิซแบรนด์อยู่ตลอดเวลา จากการโฆษณาชวนเชื่อและการตัดราคาทำให้ภาพรวมธุรกิจคลินิกความงามมีการแข่งขันสูง ผู้เล่นรายใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง คลินิกแบบเชนจะอยู่ได้ แต่แบบสแตนด์อะโลนจะอยู่ยาก เพราะไม่มีมาตรฐานในการให้บริการ จะมีปิดและกลับมาเปิดใหม่อยู่ตลอดเวลา”

แพทย์หญิงของขวัญกล่าวต่อว่า ในปี 2559 ถือเป็นปีที่เข้าสู่เออีซี บริษัทฯ จึงมีแผนลงทุนขยายสาขาเพิ่มในอีก 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย, พม่า และเวียดนาม จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 1 สาขาที่ประเทศลาว 1 สาขา ส่วนจะเป็นการลงทุนในรูปแบบใดนั้นยังไม่สรุปซึ่งอาจจะมีทั้งขายแฟรนไชส์และร่วมทุน

ส่วนการลงทุนในไทยในปี 2559 พร้อมใช้งบลงทุนอีก 150-200 ล้านบาท เพิ่มอีก 3 สาขาคือ ภูเก็ต, แบงคอก มอลล์ บางนา และเซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต เชื่อว่าจากแผนที่กล่าวมาจะทำให้บริษัทฯ กลับมามีอัตราการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 25% จากสิ้นปีนี้ที่เชื่อว่าจากการเปิดตัวบัตร “K Prestige Club” จะทำให้การเติบโตกลับมาที่ 15-20% พร้อมมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มคลินิกความงามระดับพรีเมียม