วันแม่ปีนี้คาดเงินสะพัด 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% สูงสุดในรอบ 8 ปี เหตุคนกล้าจับจ่ายใช้สอย หลังเชื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้สำรวจทัศนคติและพฤติกรรมของประชาชนเกี่ยวกับวันแม่ปีนี้ พบว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก คาดว่าจะมีเงินสะพัดสูงถึง 12,71.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% และเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 ปี หรือตั้งแต่ปี 2556 และในแง่มูลค่า สูงสุดในรอบ 8 ปี ตั้งแต่ปี 2552 เพราะคนเริ่มกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เนื่องจากมั่นใจว่าเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว ซึ่งเห็นได้จากช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่ผ่านมา
ทั้งนี้ งบประมาณในการใช้จ่ายวันแม่ปีนี้ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยจะมีการพาแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบค้างคืนใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 8,351 บาท รองลงมา คือ ไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ 4,185 บาท พาแม่ไปรับประทานข้าว 1,761 บาท พาลูกหรือครอบครัวไปรับประทานข้าว 3,555 บาท ทำกิจกรรมร่วมกัน 1,587 บาท พาแม่ไปทำบุญ 1,936 บาท พาแม่ไปทำกิจกรรมอื่นๆ นอกบ้าน 1,317 บาท ไปหาแม่ที่บ้าน 875 บาท แต่มี 2 รายการที่มีค่าใช้จ่ายเท่าเดิม คือ พาแม่ไปสปา หรือนวด 1,608 บาท และพาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ 60,168 บาท และมีการออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่กิจกรรมกับแม่ 2,000 บาท
สำหรับของขวัญยอดนิยมที่ลูกให้แม่ คือ ให้เงินสด หรือทอง มากที่สุด 88% เป็นเงิน 4,191 บาท รองลงมา คือ ให้พวงมาลัย หรือดอกไม้ 56% เป็นเงิน 255 บาท ให้เครื่องดื่มบำรุงร่างกาย 35% เป็นเงิน 1,223 บาท ให้กระเช้าผลไม้ 22% เป็นเงิน 668 บาท ให้เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า 13% เป็นเงิน 2,291 บาท ให้เวชภัณฑ์ 5% เป็นเงิน 1,334 บาท เครื่องใช้ไฟฟ้า 4% เป็นเงิน 3,722 บาท ซื้อโปรแกรมตรวจสุขภาพ 2% เป็นเงิน 4,074 บาท และซื้อประกันชีวิตให้ 1.5% เป็นเงิน 3,572 บาท เป็นต้น