“พีทีที โกลบอล เคมิคอล” แตกบริษัทลูก “โกลบอล กรีนเคมิคอล” ขึ้นมาดูแลผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมรองรับ New S-Curve
นายจิรวัฒน์ นุริตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) แกนนำธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมในกลุ่ม บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ 5 ปี (2559-2563) จะลงทุน 4 โครงการ ดังนี้ คือ โครงการขยายกำลังการผลิตเมทิลเอสเตอร์ หรือไบโอดีเซล (บี 100) แห่งที่ 2 ที่จ.ชลบุรี จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 3 แสนตัน/ปีเพิ่มเป็น 5 แสนตัน/ปี ใช้เงินลงทุน 1 พันล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้และแล้วเสร็จในปี 2561 รองรับความต้องการใช้บี 100 ในอนาคตตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกจากปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดไบโอดีเซลอยู่ที่ 26%
โครงการโรงสกัดน้ำมันในเมล็ดปาล์มน้ำมัน จ.ชลบุรี เพื่อเป็นวัตถุดิบให้โรงงานในเครือ, โครงการต่อยอดการผลิตโอลีโอเคมีชนิดพิเศษ (Specialty Oleochemicals) เช่น สารตั้งต้นที่ใช้ทำแชมพู และสบู่ที่ไม่ทำเกิดความระคายเคือง และโครงการขยายโรงสกัดกลีเซอรีน เพิ่มอีก 2 หมื่นตัน/ปี จากเดิมที่ผลิตอยู่ 3.1 หมื่นตัน/ปี การลงทุนโครงการต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องนโยบายรัฐที่ผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำอาเซียน รวมทั้งเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (Bioeconomy) อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการไบโอคอมเพล็กซ์ (BioComplex) โดยใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ เพื่อรุกธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) และเคมีชีวภาพ (Biochemicals) สอดคล้องนโยบายรัฐที่ผลักดันให้เป็นหนึ่งในคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) คาดว่าผลการศึกษาจะมีความชัดเจนในปลายปีนี้ทั้งทำเลที่ตั้งและรูปแบบการลงทุน
นายจิรวัฒน์กล่าวยอมรับว่า จากการปรับลดการเติมบี 100 ในน้ำมันดีเซลจากบี 7 ลดลงเหลือบี 5 นั้น มีผลทำให้ต้องลดการผลิตลดลงไปด้วยตามสัดส่วน ส่งผลกระทบต่อบริษัท แต่ทั้งนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันปาล์มว่าจะเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ บริษัท ไทยโอลีเอเคมี จำกัด ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นโกลบอลกรีนเคมิคอล โดยบริษัทมีแผนที่จะระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตเพื่อขยายการลงทุน