บอร์ด ทอท.อนุมัติเซ็นจ้าง “อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์” ก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 วงเงินกว่า 1.2 หมื่นล้าน และกิจการค้าร่วม เอสจี แอนด์ อินเตอร์ลิ้งค์ วงเงิน 1.98 พันล้าน สร้างระบบสาธารณูปโภค เริ่มตอกเข็ม “สุวรรณภูมิ” เฟส 2 เป็นทางการ
นายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด ทอท.เมื่อวันที่ 27 ก.ค. มีมติอนุมัติให้ ทอท.ว่าจ้างบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างงานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560) วงเงินรวมทั้งสิ้น 12,050,406,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7) โดยมีกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานตามสัญญาจ้างรวม 780 วัน นับตั้งแต่วันที่กำหนดในหนังสือแจ้งบอกกล่าวให้เริ่มงาน
รวมทั้งอนุมัติให้กิจการค้าร่วม เอสจี แอนด์ อินเตอร์ลิ้งค์ เป็นผู้รับจ้าง ก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,980,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7) โดยมีกำหนดระยะเวลาดำเนินงานตามสัญญาจ้างรวม 990 วัน นับตั้งแต่วันที่กำหนดในหนังสือแจ้งบอกกล่าวให้เริ่มงานเช่นกัน
ทั้งนี้ ความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560) จำนวน 7 งาน ได้แก่ (1) งานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก) (2) งานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น 2-4) และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานระบบย่อย) (3) งานจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
(4) งานจ้างก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออก อาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก (5) งานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) (6) งานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) และระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (EDS) (ขาออก) (7) งานจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง (CSC)
ในเดือนมิถุนายน 2559 ได้มีการยื่นซองเสนอราคาสำหรับงานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก) (CC1/1) ซึ่งมีผู้ยื่นซองเสนอราคา 3 ราย ได้แก่ กิจการร่วมค้า เอ็น ซี ดับเบิลยู, บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และกิจการร่วมค้า ยูเอ็น-เอสเอช-ซีเอช-วัน โดยผู้ที่เสนอราคาต่ำที่สุด คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 12,050,450,048.46 บาท และการยื่นซองเสนอราคาสำหรับงานจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค (CC3) มีผู้ยื่นซองเสนอราคา 4 กลุ่ม คือ กลุ่มบริษัท NWR-TEDA-TRANSEC Consortium, กลุ่มไอทีดี-ซีเมนส์ ร่วมทำงาน, กิจการค้าร่วม เอสจี แอนด์ อินเตอร์ลิ้งค์ และกิจการร่วมค้า เอ.เอส.เอส. โดยผู้ที่เสนอราคาต่ำสุด คือ กิจการค้าร่วม เอส จี แอนด์ อินเตอร์ลิ้งค์ เสนอราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเงิน 1,983,000,000 บาท
ทอท.โดยคณะกรรมการจัดหาพัสดุได้ทำการเจรจาต่อรองราคากับผู้เสนอราคาต่ำสุดทั้ง 2 ราย สำหรับงานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก) บริษัท อิตาเลียนไทยฯ ได้ปรับลดราคาลงอีกจำนวน 44,048.46 บาท คงเหลือเป็นจำนวนเงินเสนอค่างานจ้างก่อสร้างทั้งสิ้น 12,050,406,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7) ต่ำกว่าราคากลาง 1,370,381,745.31 บาท (ราคากลาง 13,420,787,745.31 บาท ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7) โดยกำหนดเวลาดำเนินการภายใน 780 วัน นับตั้งแต่วันที่กำหนดในหนังสือแจ้งบอกกล่าวให้เริ่มงาน
สำหรับงานจ้างระบบสาธารณูปโภค กิจการค้าร่วม เอส จี แอนด์ แอนเตอร์ลิ้งค์ ได้ยอมปรับลดราคาลงอีกจำนวน 3,000,000 บาท คงเหลือเป็นจำนวนเงินเสนอค่างานจ้างก่อสร้างทั้งสิ้น 1,980,000,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7) ต่ำกว่าราคากลาง 285,291,116.72 บาท (ราคากลาง 2,265,291,116.72 บาท ซึ่งรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7) โดยกำหนดเวลาดำเนินการภายใน 990 วัน นับตั้งแต่วันที่กำหนดในหนังสือแจ้งบอกกล่าวให้เริ่มงาน ทั้งนี้ ทอท.ได้รายงานผลการเจรจาต่อรองราคาที่ได้ข้อยุติกับผู้เสนอราคาทั้ง 2 ราย ให้คณะกรรมการ ทอท.พิจารณาอนุมัติ
พร้อมกันนี้ ทอท.ได้นำโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560) เข้าร่วมเป็นโครงการต้นแบบตามโครงการของ Construction Sector Transparency Initiatives (CoST) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสและการตรวจสอบโครงการก่อสร้างของภาครัฐโดยใช้กลไกการเปิดเผยข้อมูลพื้นฐานในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในโครงการก่อสร้างของภาครัฐเพื่อนำมาใช้ยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสในโครงการก่อสร้างของภาครัฐในประเทศไทย
ทั้งนี้ ในขั้นตอนการยื่นซองเสนอราคาของ ทอท.ได้มีการเชิญสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และ CoST ส่งผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งจากการเปิดซองราคา พบว่าราคาที่ผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดเสนอ ต่ำกว่าราคากลางประมาณร้อยละ 10-12 สะท้อนให้เห็นถึงความโปร่งใสในการดำเนินโครงการพัฒนาฯ ภายใต้โครงการต้นแบบตามโครงการของ CoST