เผยเทรนด์ใหม่อาหารไทย “อาหารสีดำ” มาแรงปี 60

ผู้จัดการรายวัน 360 - ไตรมาสแรกปี 59 มูลค่าส่งออกอาหารกลุ่มผักผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป เติบโตขึ้น 14.3% นักวิชาการแนะผู้ประกอบการอาหารสร้างมูลค่าเพิ่มจากส่วนผสมอาหารเจาะตลาดโลก พร้อมระบุเทรนด์ผู้บริโภคปี 2560 นิยมอาหารเพื่อสุขภาพทั้งภายในและภายนอก

ผศ.ดร.ชุติมา ไวศรายุทธ์ รองคณบดี คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารในอันดับต้นๆ ของโลก ครองส่วนแบ่งตลาด 6.3% จากทั่วโลก ถือเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากประเทศจีน โดยในปี 2558 อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารไทยมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 1.15 ล้านล้านบาท (32,960 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขณะที่ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาของปี 2559 มีมูลค่า 1.43 แสนล้านบาท (4,093 ล้านเหรียญสหรัฐ) เติบโตขึ้น 0.6% โดยอาหารส่งออกที่น่าสนใจและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ อาหารกลุ่มผักผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป มีการเติบโตขึ้น 14.3% คิดเป็นมูลค่า 3.36 หมื่นล้านบาท (962 ล้านเหรียญสหรัฐ)

คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีการทำวิจัยด้านอาหารเพื่อนำความรู้เผยแพร่ไปยังผู้ประกอบการภาคเอกชนในการพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ พบว่าแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจคือการนำวัตถุดิบธรรมชาติ (Raw Matterial) มาผลิตเพื่อเพิ่มคุณค่าเป็นส่วนผสมอาหาร (Ingredients) ประเภทต่างๆ มีโอกาสเติบโตสูงทั้งในประเทศไทยและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ผู้ประกอบการจึงควรศึกษาความต้องการของผู้บริโภคเพื่อพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและรสชาติตรงกับความต้องการ พร้อมยกระดับจาก Regional Ingredients เป็น Global Ingredients ด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตสินค้าอาหารโดยเลือกใช้วัตถุดิบที่ให้คุณค่าทางอาหารหลายๆ ด้าน แต่ใช้ส่วนผสมอาหารน้อยที่สุด

ผศ.ดร.ชุติมากล่าวด้วยว่า ในปี 2560 อุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยจะมีเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจหลายประการ โดยอาหารสีดำที่มีส่วนผสมของสารคาร์บอนเพื่อดูดซับสารพิษต่างๆ จะได้รับความนิยมมากขึ้น ขณะเดียวกันอาหารประเภทซุปที่มีคุณค่าทางอาหารและเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายก็จะมีการเน้นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะมากขึ้น เช่น เด็ก วัยทำงาน และผู้สูงอายุ เป็นต้น

ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ของอาหารที่สวยงามแปลกตาก็จะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้ผู้บริโภคต้องการรับประทานอาหารมากขึ้นด้วย โดยคาดว่าอาหารในบรรจุภัณฑ์ประเภทถ้วย หรือชามจะได้รับความนิยมมากขึ้นตามประเภทอาหารราเมงและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยรูปแบบลักษณะของบรรจุภัณฑ์และอาหารยังจะมีผลให้ผู้บริโภคนิยมแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้นด้วย

“ผู้บริโภคยุคใหม่เริ่มมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับที่มา รวมถึงคุณประโยชน์และโทษของอาหารและส่วนผสมต่างๆ มากขึ้น เช่น ไขมันดีและไขมันเลว รวมถึงน้ำตาลทางเลือกจากวัตถุดิบต่างๆ เช่น มะพร้าว น้ำผึ้ง และอื่นๆ ขณะเดียวกันยังจะเลือกบริโภคอาหารจากผู้ผลิตที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยบริการส่งอาหารถึงบ้านและสถานที่ต่างๆ จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามการใช้งานของโซเชียลมีเดีย”

ผศ.ดร.ชุติมากล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเทรนด์อื่นๆ ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ได้แก่ อาหารเพื่อสุขภาพทั้งภายในและภายนอก, อาหารที่สอดคล้องกับพันธุกรรมของแต่ละบุคคล, อาหารจากธรรมชาติที่ไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่ง หรือใช้สารเคมี, อาหารที่ระบุที่มาของแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ และอาหารที่มีกระบวนการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นต้น