xs
xsm
sm
md
lg

“ลอว์สัน” ยกไทยเป็นหัวหอก ขยาย 3 พันสาขานอกญี่ปุ่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายซะดะโนบุ ทาเคะมะสุ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานฝ่ายปฏิบัติการ ลอว์สัน อิงค์ ประเทศญี่ปุ่นและนายเวทิต โชควัฒนา (ขวา) กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สห ลอว์สัน จำกัด
ผู้จัดการรายวัน 360 - ผู้บริหาร “ลอว์สัน” ญี่ปุ่น มั่นใจธุรกิจร้านสะดวกซื้อไทยยังสดใสจากความคุ้นเคยของผู้บริโภคและมีความต้องการสูง ด้วยสัดส่วนเพียง 1 สาขาต่อประชากร 1 หมื่นคน เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น 1 สาขาต่อประชากร 2 พันคน เร่งแผน 2 ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคให้ตรงจุดทั้งแคมเปญและรูปแบบร้าน สอดรับแผนขยาย 500 สาขาในไทย พร้อมเร่ง 3 พันสาขาในจีน อินโดฯ ฟิลิปปินส์ และฮาวาย ในปี 2563

นายซะดะโนบุ ทาเคะมะสุ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานฝ่ายปฏิบัติการ ลอว์สัน อิงค์ ประเทศญี่ปุ่น ผู้ดำเนินธุรกิจเครือข่ายร้านสะดวกซื้อรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีร้าน “ลอว์สัน” ในประเทศญี่ปุ่น 1.2 หมื่นสาขา และต่างประเทศประมาณ 800 สาขา แบ่งเป็นจีน มากกว่า 500 สาขา ไทย 60 สาขา อินโดนีเซีย 38 สาขา ฟิลิปปินส์ 18 สาขา และฮาวาย โดยในปี 2558 มีรายได้รวมทั่วโลกประมาณ 2 ล้านล้านเยน (2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ)

ในปี 2559 บริษัทฯ มีการขยายสาขาในประเทศญี่ปุ่นแล้ว 1.2 พันสาขา จากแผนขยายสาขาให้ครบ 1.5 หมื่นแห่งในระยะเวลา 1 พันวัน และมีแผน 5 ปีขยายสาขาต่างประเทศครบ 3 พันแห่ง (ภายในปี 2563) โดยในส่วนของประเทศไทยซึ่งดำเนินธุรกิจในลักษณะร่วมทุนกับเครือสหพัฒน์ ภายใต้ชื่อ บริษัท สห ลอว์สัน จำกัด มีแผนขยายสาขาให้ได้อย่างน้อย 500 แห่งภายในปี 2563

นายซะดะโนบุกล่าวด้วยว่า การลงทุนในต่างประเทศของ “ลอว์สัน” จะพิจารณาองค์ประกอบหลัก คือ จำนวนประชากรและขนาดตลาด รวมถึงพันธมิตรธุรกิจที่จะร่วมทุนด้วย ซึ่ง “ลอว์สัน” มีความเชื่อมั่นในแนวทางการบริหารธุรกิจของเครือสหพัฒน์ในประเทศไทย ขณะที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยยังถือเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูงเมื่อพิจารณาจากจำนวนร้านสะดวกซื้อในตลาดรวม 1 หมื่นสาขาต่อจำนวนประชากร 70 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 1 สาขาต่อ 1 หมื่นคน ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีร้านสะดวกซื้อ 5 หมื่นสาขาต่อประชากร 120 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 1 สาขาต่อ 2 พันคน

“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โอกาสทางการตลาดของธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยมีความน่าสนใจคือ ผู้บริโภคชาวไทยมีความคุ้นเคยกับร้านสะดวกซื้อจึงทำให้การขยายธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น แผนการดำเนินธุรกิจขั้นต่อไปจึงจะเป็นการตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคให้ตรงจุด ทั้งในเรื่องการจัดแคมเปญและรายการโปรโมชันส่งเสริมการขาย และรูปแบบของร้านซึ่งปัจจุบันยังคงใช้รูปแบบปกติเป็นโมเดลหลัก ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่นมี 4 รูปแบบ คือ ร้านระดับพรีเมียม, ร้านจำหน่ายสินค้าผู้สูงวัย, ร้านปกติ และร้านจำหน่ายสินค้าราคาเดียว 100 เยน”

ด้าน นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สห ลอว์สัน จำกัด กล่าวเสริมว่า ตั้งแต่ปี 2559 บริษัทฯ ขยายสาขา “ลอว์สัน” เพิ่มแล้ว 14 แห่ง ด้วยงบลงทุนสาขาละ 5 ล้านบาท บนพื้นที่ประมาณ 1 พัน ตร.ม. ส่งผลให้ปัจจุบันมี 60 สาขา โดยยังมีแผนขยายเพิ่มอีก 38 แห่ง จึงคาดว่าจะมีสาขาทั้งสิ้นประมาณ 100 แห่งในปี 2559 พร้อมกับเร่งสรุปรายละเอียดในการขยายธุรกิจในลักษณะแฟรนไชส์ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจจำนวนมาก ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและบริษัทขนาดใหญ่ที่พร้อมจะเริ่มธุรกิจ 10-15 สาขา

“จากแผนขยาย 500 สาขาในปี 2563 จึงจะมีทั้งในลักษณะการลงทุนของบริษัทฯ และการขายแฟรนไชส์ ซึ่งคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงเนื่องจากผู้บริโภคเริ่มให้การตอบรับสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากยอดขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจาก 4 หมื่นบาทต่อวันต่อสาขาในปี 2558 เป็น 4.7 หมื่นบาทต่อวันต่อสาขา คิดเป็นยอดซื้อเฉลี่ย 53 บาทต่อบิล เฉลี่ย 872 บิลต่อวันต่อสาขา”



กำลังโหลดความคิดเห็น