ผู้จัดการรายวัน 360 - “เบอร์แทรมเคมิคอล” เดินเกมรุกตลาดรวมยาดม-ยาหม่อง-ยาหม่องน้ำ มูลค่า 3 พันล้านบาท จับมือพันธมิตร “ซีโน-แปซิฟิคฯ” เพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้า “เซียงเพียว-เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์” ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศ มั่นใจช่วยเพิ่มยอดขาย 20-25% จาก 1.5 พันล้านบาทในปี 58 ก่อนขยับเป็น 3 พันล้านบาทใน 5 ปี พร้อมครองผู้นำตลาดรวม จากปัจจุบันที่เป็นอันดับ 1 ยาหม่องน้ำ อันดับ 2 ยาดม และอันดับ 3 ยาหม่อง
นางสุวรรณา เอี่ยมพิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาดม ยาหม่อง ยาหม่องน้ำ และครีมบรรเทาอาการปวดภายใต้แบรนด์ “เซียงเพียว” และ “เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจและแต่งตั้งให้ บริษัท ซีโน-แปซิฟิค เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระจายสินค้าผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดให้ครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ในขณะที่บริษัทฯ จะดำเนินงานด้านกระจายสินค้าผ่านช่องทางทั่วไป หรือเทรดิชันนัลเทรดเป็นหลักในสัดส่วนเท่ากันคือ 50:50
ปัจจุบันบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ทั้งสิ้น 48 เอสเคยูและจะเพิ่มเป็น 50 เอสเคยูในช่วงเดือน ก.ย.ศกนี้ โดยในปี 2558 มีผลประกอบการประมาณ 1.5 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 20% และคาดว่าจะเติบโตอีก 20-25% ในปี 2559 โดยมีรายได้หลักจากผลิตภัณฑ์ “เซียงเพียว” 80% และ “เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์” 20% แบ่งเป็นรายได้ในประเทศและส่งออกเท่ากันคือ 50:50 โดยตลาดส่งออกมีมากกว่า 10 ประเทศ ครอบคลุมทั้งกลุ่มประเทศอาเซียน จีน อินเดีย เอเชียตะวันออก และยุโรป
“ในปี 2559 บริษัทฯ ใช้งบประมาณการตลาด 100-150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% แบ่งเป็นสื่อโทรทัศน์, สื่อ Out of Home และอื่นๆ 70% ส่วนอีก 30% เน้นสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่ใช้เพียง 15-20% และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในปีต่อไป นอกจากนั้นในช่วงปลายปี 2559 ยังเตรียมใช้งบลงทุน 100-120 ล้านบาท ก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2560”
ในส่วนของโรงงานที่ลำลูกกา คลอง 7 จ.ปทุมธานี ใช้งบฯ ลงทุน 700-800 ล้านบาทในการก่อสร้างอาคารและซื้อเครื่องจักรใหม่ 10 ตัว เริ่มดำเนินการผลิตตั้งแต่ปลายปี 2558 มีกำลังการผลิตเต็มที่ 500-600 ล้านขวดต่อปี เพิ่มขึ้นจากโรงงานเก่า 12-14 เท่า โดยปัจจุบันยังคงใช้อัตราการผลิตเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น คาดว่าจะสามารถรองรับความต้องการตลาดได้อีก 5 ปีตามเป้าหมายเพิ่มรายได้เป็น 3 พันล้านบาท
นางสุวรรณากล่าวอีกว่า จากข้อมูลของ “เอซี นีลเส็น” ระบุว่า ภาพรวมตลาดยาหม่องและยาหม่องน้ำในประเทศไทยเมื่อปี 2558 มีมูลค่ารวมประมาณ 3 พันล้านบาท แบ่งเป็นยาหม่อง 2.2-2.5 พันล้านบาท ยาหม่องน้ำ 500-800 ล้านบาท คาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 6% ในปี 2559 ขณะที่ “เซียงเพียว” และ “เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์” มีส่วนแบ่งตลาดรวม 30% ถือเป็นอันดับ 3 ในตลาดยาหม่อง และอันดับ 1 ในตลาดยาหม่องน้ำ ขณะที่เป็นอันดับ 2 ในตลาดยาดมมูลค่า 2 พันล้านบาท โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดยาหม่องภายใน 5 ปี และรักษาความเป็นผู้นำตลาดยาหม่องน้ำไว้เช่นเดิม