“พาณิชย์” ฉวยจังหวะ Brexit เล็งเปิดเจรจา FTA ไทย-อังกฤษ เพื่อขยายโอกาสทางการค้า การลงทุนโดยตรง พร้อมนำร่องตั้งสภาธุรกิจ ฝ่ายไทยมี ปตท. ฝ่ายอังกฤษมีโรลส์รอยซ์เป็นแกนนำ นัดประชุมนัดแรก ก.ย.หรือ ต.ค.นี้ ได้ทีจีบโรลส์รอยซ์ย้ายฐานการผลิตมาไทย หวังช่วยหนุนไทยแลนด์ 4.0 พร้อมเดินหน้าสร้างภาพลักษณ์สินค้าไทย เหตุปอนด์ลดทำสินค้าไทยแพงขึ้น
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 11-14 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมาได้เดินทางไปเยือนอังกฤษหลังจากที่อังกฤษได้ขอแยกตัวออกจากการรวมกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) หรือ Brexit เพราะกระทรวงฯ เห็นว่าไทยน่าจะมีโอกาสในการขยายความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การส่งเสริมธุรกิจด้านนวัตกรรม และการสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าไทยในตลาดอังกฤษ รวมถึงการเพิ่มความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกัน ทั้งในระดับภาครัฐและเอกชน
“จากการพูดคุย อังกฤษมีความยินดีที่จะทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับไทยโดยตรง หลังจากที่อังกฤษกำลังจะออกจากอียู ซึ่งไทยก็เห็นด้วยเพราะเป็นประโยชน์ในการขยายการค้า การลงทุนเข้าสู่ตลาดอังกฤษได้ และเบื้องต้นได้มีการตกลงจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-อังกฤษ เพื่อให้คำแนะนำแก่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายในการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการการค้า การลงทุน และการเป็นประตูสู่เอเชียและยุโรประหว่างกัน โดยภาคเอกชนไทยมี ปตท.เป็นแกนกลาง และฝ่ายอังกฤษมีโรลส์รอยซ์เป็นแกนกลาง”
ทั้งนี้ ยังได้มีการหารือเพื่อเพิ่มความร่วมมือในด้านครีเอทีฟ อีโคโนมี การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี การส่งเสริมด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ การร่วมมือในการพัฒนากลุ่มธุรกิจผู้ประกอบการหน้าใหม่ (สตาร์ทอัพ) ซึ่งจะจัดให้มีการพบปะและประชุมร่วมกันเป็นประจำทุกปี โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งแรกประมาณเดือน ก.ย. หรือ ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ได้มีการหารือกับโรลส์รอยซ์ ไทยได้เชิญชวนให้โรลส์รอยซ์ย้ายฐานการผลิตนอกอังกฤษให้เข้ามาอยู่ในไทยแทน โดยปัจจุบันมีฐานการผลิตตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ เนื่องจากไทยมีนโยบายส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายที่จะยกระดับสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0
นายสุวิทย์กล่าวว่า สำหรับการพบปะกับสมาคมธุรกิจไทยในอังกฤษ ได้รับทราบปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือในภาคธุรกิจบริการของไทย ทั้งพ่อครัวแม่ครัว และพนักงานนวดไทย ซึ่งได้มีการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาแล้ว ส่วนกรณีสินค้าไทยมีราคาแพงขึ้น หลังจากได้รับผลกระทบจาก Brexit ทำให้สินค้าแพงขึ้นมากถึง 15% นั้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์สินค้าไทยว่าเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และผลักดันให้แบรนด์ไทยมีความเข้มแข็ง เพื่อสร้างการยอมรับของผู้บริโภคต่อไป