ผู้จัดการรายวัน 360 - เศรษฐกิจเฉา ลูกค้ารัดเข็มขัด ส่งผล “อัมรินทร์” ต้องปรับตัว ชู 3 กลยุทธ์ “Omni Media-คอนเทนต์ เอเยนซี-สร้างแบรนด์บนออนไลน์” ฝ่ามรสุมรุมธุรกิจสิ่งพิมพ์ ลุ้นทั้งปีเติบโต 10%
นางระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและปัจจัยต่างๆ ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลกระทบให้ธุรกิจสิ่งพิมพ์ต้องปรับตัว โดยในส่วนของอัมรินทร์ฯ 1-2 ปีหลังจากนี้จะเป็นช่วงของการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การบริหารงานใหม่ ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก คือ
1. Omni Media ด้วยการนำเสนอการขายโฆษณาผ่าน 5 ช่องทางหลัก คือ ออนไลน์, ออนแอร์, ออนพรินต์, ออนกราวนด์ และออน พอยต์ ออฟ เซลส์ โดยพบว่าปัจจุบันลูกค้าไม่ได้ต้องการลงสื่อโฆษณาเพียงสื่อเดียวเท่านั้น และอัมรินทร์ฯ มีสื่อครบวงจร จึงนำเสนอขายโฆษณาเป็นแบบแพกเกจ และตามความต้องการของลูกค้า พบว่าจำนวนลูกค้ากว่า 50% ของทั้งหมดมีการซื้อสื่อโฆษณามากกว่า 1 แบบ
2. คอนเทนต์ เอเยนซี ถือเป็นจุดแข็งที่บริษัทดำเนินงานควบคู่กับการผลิตคอนเทนต์ที่ทำงานใกล้ชิดกับลูกค้ามาโดยตลอด แต่หลังจากนี้จะให้ความสำคัญและเพิ่มบริการนี้แก่ลูกค้ามากขึ้น ทั้งในรูปแบบของการบริการรับดูแลสื่อออนไลน์ให้ลูกค้า เช่น เฟซบุ๊กแฟนเพจ หรือเว็บไซต์ เป็นต้น รวมถึงผลิตคอนเทนต์ป้อนให้โดยลูกค้าสามารถนำคอนเทนต์ดังกล่าวเผยแพร่และใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม ปัจจุบันมีลูกค้าให้ความสนใจสูงมากในกลุ่มบ้าน ครอบครัว และความงามตามลำดับ
3. การสร้างแบรนด์หัวนิตยสารรูปแบบออนไลน์ให้แข็งแกร่งมากขึ้นตามเทรนด์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ธุรกิจสิ่งพิมพ์ของบริษัทยังไปได้ดีอยู่ เช่น กลุ่มบ้านและสวน ไม่ได้รับผลกระทบจากโลกออนไลน์เพราะเป็นเซกเมนต์ที่มีอยู่น้อยบนออนไลน์ แต่สื่อนิตยสารต้องปรับตัวสร้างคอนเทนต์ให้แตกต่างจากโลกออนไลน์ ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมารายได้กลุ่มสิ่งพิมพ์ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาสสองกำลังสรุป
อย่างไรก็ตาม จากทั้ง 5 สื่อที่มีอยู่ในเครือ หลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น เช่น 1. ออนกราวด์ จากเดิมที่จะมีการจัดงานแฟร์ 8 งานใหญ่ในปีนี้ ปีหน้าจะเพิ่มเป็น 10 งาน เช่น งานเบบี้&คิดส์ จาก 2 ครั้ง/ปี เป็น 3 ครั้งต่อปี และเพิ่มขนาดจาก 300 บูท เป็น 600 บูท เป็นต้น 2. ออนไลน์ จะพัฒนาเว็บไซต์ แฟนเพจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำธุรกรรมออนไลน์ให้ดีขึ้นทั้งอีบุ๊ก และอีคอมมิร์ซ จากปัจจุบันมีฐานแฟนเพจและอินสตาแกรมรวมกว่า 8 ล้านราย และมียูนิคอายส์บอลกว่า 100 ล้านวิว
3.ออน พอยต์ ออฟ เซลส์ กับร้านหนังสือนายอินทร์พร้อมใช้งบราว 20-30 ล้านบาท ขยายเพิ่มอีก 10 สาขา ลงทุนสาขาละ 1-3 ล้านบาท เน้นกลุ่มสินค้านอนบุ๊กมากขึ้น จากปัจจุบันทำยอดขาย 10% ของรายได้ในร้านนายอินทร์ใน 3-4 ปีจะเพิ่มเป็น 30% และที่เหลือมาจากหนังสือ ซึ่งมีแนวโน้มกลับมามียอดขายที่ดีขึ้น
4. ออนแอร์ คือ ช่องอัมรินทร์ทีวี จะมุ่งสร้างคาแรกเตอร์ให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นถึงกลุ่มเป้าหมายของช่องที่เป็นกลุ่มครอบครัวระดับกลางขึ้นไป เพื่อเลือกลงโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยครึ่งปีหลังนี้จะมีการปรับเพิ่มรายการใหม่อีกหลายรายการเน้นในช่วงไพรม์ไทม์เป็นหลัก โดยได้เริ่มนำรายการใหม่เข้าแล้ว 1-2 รายการในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันถือเป็นช่องที่เรตติ้งขยับดีขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถปรับราคาโฆษณาได้บ้าง
“แผนการดำเนินงาน 1-2 ปีนี้จะรุก 3 กลยุทธ์ดังกล่าวเป็นหลัก รวมถึงมองหาเทคโนโลยีลงทุนและพัฒนาอินโนเวชันใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยในแง่ของรายได้เดิมปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10% แต่เนื่องจากปีนี้มีเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา ส่งผลให้รายได้ผันผวนทุกเดือน อีกทั้งในครึ่งปีหลังต้องรอดูสถานการณ์ต่างๆ เพิ่มเติมแม้จะมองเห็นสัญญานเป็นบวกมากขึ้น ทั้งปีนี้จึงยังคาดการณ์ได้ยากว่ารายได้จะตามเป้าหรือไม่” นางระรินกล่าวสรุป