“บิ๊กตู่” ย้ำอีกรอบ สั่งเรียกค่าเสียหายทุจริตขายข้าวจีทูจี 2 หมื่นล้านบาทโดยเร็ว ด้าน “พาณิชย์” รอลุ้นกฤษฎีกาส่งหนังสือตอบกลับ ใครเป็นผู้มีอำนาจลงนามแจ้ง เผยหากได้คำตอบส่งหนังสือเรียกค่าเสียหายทันที ย้ำไม่น่าจบแค่ตัวผู้ทำผิด ยกคดีรถดับเพลิงเทียบเคียง สามารถตามได้ถึงกองมรดก
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2559 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำอีกครั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดให้มีการชดใช้ค่าเสียหายจากกรณีการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตัน ตามที่กระทรวงการคลังได้ส่งหนังสือแจ้งมาให้กระทรวงพาณิชย์บังคับทางปกครองให้นักการเมืองและข้าราชการรวมทั้งหมด 6 คนโดยเร็ว
“ท่านนายกฯ ได้เร่งให้ทำโดยเร็ว เพราะกระทรวงการคลังส่งหนังสือแจ้งมานานแล้ว กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานว่ามีการขอหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อขอความชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้แจ้งบังคับทางปกครอง เพราะมีหน่วยงานที่เสียหายหลายหน่วยงาน ทั้งคลัง พาณิชย์ อคส. (องค์การคลังสินค้า) และ อ.ต.ก. (องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร) โดยในการประชุม นบข. กฤษฎีกาแจ้งว่าจะส่งหนังสือตอบกลับมาภายในสัปดาห์นี้ซึ่งวันนี้ (ศุกร์ 1 ก.ค.) เป็นวันสุดท้าย ก็ต้องรอดูก่อนว่าจะมาหรือไม่” นางดวงพรกล่าว
นางดวงพรกล่าวว่า หากกรมฯ ได้รับหนังสือตอบกลับมาจากกฤษฎีกา ก็จะดำเนินการแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชดใช้ค่าเสียหายทันที หากเป็นกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้แจ้ง คนลงนามก็ต้องเป็น รมว.พาณิชย์ แต่หากเป็นหน่วยงานเสียหายอื่นก็ต้องดูว่าใครเป็นผู้มีอำนาจในหน่วยงานนั้น ซึ่งค่าเสียหายที่จะแจ้งให้ชดใช้ ก็มีรายละเอียดหมดแล้วว่าใครต้องชดใช้เท่าใด เพราะกรมบัญชีกลางได้คิดค่าเสียหายมาหมดแล้ว
ทั้งนี้ ในการเรียกค่าเสียหายต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 โดยจะส่งเรียกค่าเสียหายตรงไปยังผู้ที่กระทำความผิด และหากเห็นว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถที่จะอุทธรณ์ได้ แต่ความรับผิดไม่น่าจะจบแค่ตัวผู้ที่กระทำผิด เพราะหากเทียบเคียงกับคดีรถดับเพลิง ที่แม้ผู้กระทำความผิดจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ได้มีการเรียกค่าเสียหายจากกองมรดกของผู้ที่กระทำความผิดด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า นักการเมืองและข้าราชการ 6 คนที่จะถูกบังคับทางปกครองชดใช้ค่าเสียหายจากการขายข้าวจีทูจี มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2559 นายกรัฐมนตรีได้ออกมากำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากการทุจริตการขายข้าวจีทูจีมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ส่งหนังสือแจ้งบังคับทางปกครอง ซึ่งหลังจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ได้ขอหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอความชัดเจนว่าหน่วยงานใด หรือใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการลงนามส่งหนังสือแจ้งเพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหาย