ปตท.ทบทวนโครงการโรงกลั่นและปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่เวียดนาม หลังเจอพิษน้ำมันตกต่ำ และเร่งหาพันธมิตรท้องถิ่นร่วมทุนด้วย
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการตั้งโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่เวียดนาม ว่าจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ตกต่ำและการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเวียดนาม ทำให้ ปตท.ต้องกลับมาทบทวนการลงทุนใหม่ทั้งวิธีการลงทุน รูปแบบ และขนาดการลงทุนอีกครั้ง ควบคู่กับการหาพันธมิตรร่วมทุนท้องถิ่นที่เป็นบริษัทน้ำมันของเวียดนามเข้าร่วมทุนด้วย เนื่องจากเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่จำเป็นต้องมีพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อลดความเสี่ยง
นอกจากนี้ ทางเวียดนามเองก็มีแผนตั้งโรงกลั่นน้ำมันในประเทศเพิ่มเติม รวมทั้งกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย (เอสซีจี) ก็มีแผนลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่เวียดนามเช่นกัน ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้จะมีผลกระทบต่อโครงการโรงกลั่นและปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ของ ปตท.ที่เวียดนามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากวัตถุประสงค์การลงทุนโครงการนี้เพื่อขายน้ำมันสำเร็จรูป และเม็ดพลาสติกภายในประเทศเวียดนามทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ
เดิม ปตท.มีแผนจะลงทุนโครงการโรงกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่เวียดนาม ใช้เงินลงทุน 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบด้วย โรงกลั่นน้ำมันขนาด 4 แสนบาร์เรล/วัน นำผลพลอยได้จากโรงกลั่นมาต่อยอดธุรกิจปิโตรเคมีขนาด 5 ล้านตัน/ปี ตั้งอยู่ในบริเวณเขตเศรษฐกิจ Nhon Hoi จังหวัดบินห์ดินห์ โดยกลุ่ม ปตท.จะถือหุ้น 40% เท่ากับซาอุดิอารัมโก ส่วนเวียดนามจะถือหุ้น 20%
“โครงการลงทุนปิโตรเคมีของกลุ่ม ปตท.ในต่างประเทศ ทั้งสหรัฐฯ เวียดนาม อินโดนีเซีย ยังไม่มีข้อสรุปเลย จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบทั้งด้านตลาด วัตถุดิบ และพันธมิตรร่วมทุน รวมทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐในประเทศนั้น”