“พาณิชย์” เผยอังกฤษออกจากอียูกระทบส่งออกไทยบ้าง สินค้าจะแพงขึ้น หลังเงินปอนด์อ่อนค่ารุนแรง แต่เชื่อกระทบไม่มาก เหตุไทยส่งออกไปอังกฤษแค่ 1-2% ของยอดส่งออกรวม คาดอังกฤษคงไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าทันที เหตุต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีกว่าจะออกได้จริง “อภิรดี” สั่งทูตพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยถึงกรณีการลงประชามติของสหราชอาณาจักรที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ว่าอาจมีผลกระทบทำให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างรุนแรงจนกระทบต่อราคาสินค้าไทยที่จะแพงขึ้นในทันที และทำให้การส่งออกสินค้าไทยไปตลาดอังกฤษในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าได้รับผลกระทบบ้าง เพราะคำสั่งซื้อหายไป แต่เชื่อว่าไม่รุนแรง เนื่องจากไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปอังกฤษมีแค่ 1-2% ของการส่งออกรวม
“ภาพรวมไม่น่ากังวลมากนัก เพราะไทยส่งออกไปอังกฤษเพียง 1-2% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด และการออกจากอียูของอังกฤษต้องใช้ระยะเวลาอีก 2-3 ปี กว่าจะออกได้จริง ซึ่งคงไม่เร็วนัก เชื่อว่าอังกฤษคงไม่ปรับเปลี่ยนกฎระเบียบทางการค้าในทันที และอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยไทยยังมีเวลาปรับตัวที่จะทำแผนในการเจาะตลาดอังกฤษในอนาคต” นายสมเกียรติกล่าว
ทั้งนี้ สิ่งที่กังว คือ ค่าเงินยูโรจะอ่อนตามค่าเงินปอนด์หรือไม่ ปัจจุบันนี้ไทยส่งออกไปอียู 9% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด และจะมีประเทศอื่นในอียูออกตามอังกฤษเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่ถึงกับต้องกังวลมากนัก เพราะไทยส่งออกไปอียูไม่มากเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ส่งออกสัดส่วนมากถึง 20% ของมูลค่าการส่งออก โดยปัจจุบันสัดส่วนการส่งออกไทยได้กระจายไปตลาดต่างๆ โดยเฉพาะอาเซียนที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงสุด
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศยุโรป รวมถึงอังกฤษ ติดตามความเคลื่อนไหวและรายงานสถานการณ์ทุกวัน หลังมติผลโหวตออกมาแล้ว ส่วนในด้านการส่งออกนั้นไทยยังคงเดินหน้าผลักดันการส่งออกในปีนี้ให้ขยายตัวตามเป้าหมาย 5%