ผู้จัดการรายวัน 360 - ครึ่งแรกปี 2559 ตลาดท่องเที่ยวในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้น เหตุครึ่งปีหลังยังมีวันหยุดยาวอีก ขณะที่ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาตัวเลขเที่ยวไทยคึกคักมาก พุ่งขึ้นทุกเทศกาล
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ภาวะการท่องเที่ยวภายในประเทศเริ่มมีแนวโน้มปรับดีขึ้น ดังจะเห็นได้จาก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาสที่ 2/59 เมื่อช่วงเดือน พ.ค. 58 ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าในไตรมาส 3/2559 มีนักท่องเที่ยวไทย 34% วางแผนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าในไตรมาสเดียวกันของปี 2558
เนื่องมาจากการที่รัฐบาลประกาศวันหยุดเพิ่มเติมในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ระหว่างวันที่ 16-20 ก.ค. 59 (5 วัน) วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ หรือ “วันแม่แห่งชาติ” ระหว่างวันที่ 12-14 ส.ค. 59 (3 วัน) วันปิยมหาราช ระหว่างวันที่ 22-24 ต.ค. 59 (3 วัน) วันรัฐธรรมนูญ ระหว่างวันที่ 10-12 ธ.ค. 59 (3 วัน) และวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 30-31 ธ.ค. 59-2 ม.ค. 60 (4 วัน) โดยพบว่านักท่องเที่ยวไทย 43% ระบุว่าทำให้ตัดสินใจวางแผนท่องเที่ยวในประเทศจากเดิมที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า
“วัตถุประสงค์การท่องเที่ยวในช่วงวันอาสาฬหบูชาส่วนใหญ่เป็นการกลับภูมิลำเนาและพักผ่อน มีจุดหมายปลายทางคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง พร้อมกำหนดงบประมาณการใช้จ่ายคนละ 3-4 พันบาท โดยส่วนใหญ่ระบุว่าจะลดงบประมาณในการท่องเที่ยวคิดเป็น 47% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว ขณะที่ 40% ระบุว่าจะใช้จ่ายในระดับเดิม โดยมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่คาดว่าจะมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น”
นายอิทธิฤทธิ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ประมาณ 39% วางแผนการท่องเที่ยวในประเทศล่วงหน้าเพียง 2-4 สัปดาห์ ส่วนการท่องเที่ยวต่างประเทศจะวางแผนล่วงหน้า 1-3 เดือน ประมาณ 35% และ 3-6 เดือน ประมาณ 31% ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศควรมีการประกาศวันหยุดเพิ่มเติมในเทศกาลต่างๆ เป็นการล่วงหน้าในช่วง 1-3 เดือนเพื่อให้นักท่องเที่ยวไทยมีเวลาพอที่จะวางแผนเดินทางในประเทศแทนการเดินทางไปต่างประเทศ
ตั้งแต่ต้นปี 2559 ซึ่งรัฐบาลประกาศให้มีวันหยุดเพิ่มเติมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13-17 เม.ย. 59 พบว่ามีนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางในประเทศ 2.14 ล้านคน เดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้และกลับภูมิลำเนาตามพื้นที่ ดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 4.8 แสนคน คิดเป็น 22% ภาคกลาง จำนวน 4.2 แสนคน คิดเป็น 20% ภาคเหนือ จำนวน 3.9 แสนคน คิดเป็น 18% ภาคตะวันออก จำนวน 3.9 แสนคน คิดเป็น 18% กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 2.5 แสนคน คิดเป็น 12% และภาคใต้ จำนวน 2.2 แสนคน คิดเป็น 10% รวมทำรายได้ทั้งสิ้น 6.98 พันล้านบาท
ส่วนวันหยุดเพิ่มเติมเนื่องในวันฉัตรมงคลและวันพืชมงคล ระหว่างวันที่ 5-9 พ.ค. 59 มีนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางในประเทศ 2.16 ล้านคน เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ 5 ลำดับแรก คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี และนครราชสีมา รวมทำรายได้ทั้งสิ้น 7.66 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันยังมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปต่างประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (เฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และหาดใหญ่) จำนวน 153,278 คน เพิ่มขึ้น 13% ทำรายได้ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% และเดินทางในช่วงวันฉัตรมงคลและวันพืชมงคล (เฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต) จำนวน 87,587 คน เพิ่มขึ้น 12% ทำรายได้ 1.62 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%
ประเทศที่นักท่องเที่ยวไทยให้ความนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ โดยมี 5 ปัจจัยกระตุ้น คือ 1. เดินทางระยะใกล้และใช้เวลาน้อย 2. ไม่ต้องขอวีซ่าทำให้ง่ายและสะดวกต่อการเดินทางเข้าประเทศนั้นๆ 3. โปรโมชันตั๋วเครื่องบินและแพกเกจทัวร์ราคาถูก 4. สายการบินต้นทุนต่ำมีการเพิ่มเที่ยวบินและเปิดเส้นทางบินใหม่จำนวนมาก 5. รู้วันหยุดล่วงหน้านานทำให้วางแผนเดินทางง่ายขึ้น
นายอิทธิฤทธิ์กล่าวในตอนท้ายด้วยว่า นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางในประเทศมีวัตถุประสงค์หลักคือ ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย, พักผ่อน และเติมพลัง ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อต้องการค้นหามุมมองใหม่, เปิดประสบการณ์ที่แตกต่าง และแสวงหาความท้าทายเหนือความคาดหมาย