“พีทีจี” มั่นใจปีหน้ามาร์เกตแชร์ขายน้ำมันรั้งอันดับ 4 แซงหน้าเชลล์ หลังเร่งขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มปีละ 300 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งรุกตลาดปั๊มแอลพีจี ส่วนการเปิดปั๊มในประเทศเพื่อนบ้านคาดหลังปี 2561 รอขยายปั๊มในไทยให้ครบ 4 พันแห่ง
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า จากเป้าหมายการขยายสถานีบริการน้ำมันพีทีในปี 2560 อีก 350 ปั๊ม จากสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,500 แห่งทั่วประเทศ ส่งผลให้ยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการเพิ่มสูงขึ้น ตั้งเป้าปีหน้าบริษัทฯ จะมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) แซงหน้าเชลล์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 9-12% เป็นอันดับ 4 รองจาก ปตท., เอสโซ่ และบางจาก จากปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 8.57% เป็นอันดับ 5
โดยยอมรับว่าบริษัทน้ำมันรายใหญ่ได้เข้ามาทำปั๊มที่มีขนาดเล็กลงในชุมชนเมือง ทำให้การแข่งขันนับจากนี้จะรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯ จะเน้นด้านการบริการและส่งเสริมการขยายเพื่อรักษาตลาดเอาไว้
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้มีการขยายปั๊มก๊าซปิโตรเลียมเหลวสำหรับรถยนต์ (ปั๊มแอลพีจี) เพิ่มปีละ 50 แห่งจากปัจจุบันที่เพิ่งเริ่มเข้ามารุกตลาดนี้หลังรัฐปล่อยลอยตัวตามตลาด โดยบริษัทเน้นด้านการให้บริการ รวมทั้งสมาชิกบัตรแม็กซ์การ์ด ที่สามารถสะสมแต้มจากการเติมน้ำมัน และแอลพีจีได้ ทำให้ยอดขายแอลพีจีของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนการรุกตลาดก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) นั้น บริษัทไม่มีแผนที่จะรุกตลาดดังกล่าว เนื่องจากตลาดไม่ใหญ่มาก การตั้งปั๊มส่วนใหญ่ต้องอยู่ตามแนวท่อก๊าซฯ
ส่วนแผนการขยายปั๊มน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนนั้น บริษัทฯ ได้มีการศึกษาโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนทั้งในพม่า ลาว และกัมพูชา โดยเบื้องต้นได้มีการศึกษาเชิงลึกร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นที่จะตั้งปั๊มน้ำมันในลาว แต่จากการศึกษาพบว่าโครงสร้างด้านราคาและการจัดการยังไม่เหมาะที่จะลงทุนในช่วงนี้ คงต้องรออีกระยะหนึ่ง ส่วนที่พม่าเองพบว่าต้นทุนค่าที่ดินค่อนข้างสูง ส่วนกัมพูชานั้นมีความเป็นไปได้มากแต่ทั้งนี้ต้องศึกษาเชิงลึกให้รอบคอบก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มองเห็นโอกาสในการขยายปั๊มน้ำมันไทยยังมีอีกมากเมื่อเทียบกับจำนวนปั๊มทั้งหมดในประเทศที่มีอยู่ 2 หมื่นปั๊ม หากบริษัทจะลงทุนขยายปั๊มน้ำมันพีทีไปยังประเทศเพื่อนบ้านก็น่าจะมีปั๊มน้ำมันในไทยอยู่ระดับ 4 พันแห่งทั่วประเทศ หรือภายหลังปี 2561