“อนันตพร” เตรียมเจรจาเร่งรัด “ร.ฟ.ท.” จัดซื้อหัวรถจักรเพื่อขนส่งแอลพีจี หลัง “ปตท.” ควักเงินลงทุนจัดซื้อพร้อมปรับระบบให้วงเงิน 4,000 ล้านบาทภายในระยะ 4-5 ปี พร้อมเร่งดูรายละเอียดเปิดเสรีธุรกิจแอลพีจีที่นำร่องให้รายอื่นนำเข้า พบนำเข้าไม่ได้จริงต้องเพิ่มบทลงโทษ
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการตรวจเยี่ยมชมบ้านโรงโป๊ะ และคลังเขาบ่อยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่ากระทรวงพลังงานพร้อมที่จะเจรจาเพื่อเร่งรัดให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จัดหาหัวรถจักรเพื่อขยายการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ระบบรางไปยังจังหวัดลำปาง และลดการขนส่งทางรถยนต์เพื่อลดต้นทุนการขนส่งแล้วยังเป็นการดูแลความมั่นคง
“บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้ลงทุนในการซื้อหัวรถจักรดังกล่าวซึ่งที่ผ่านมาถือว่ามีความล่าช้า ก็คงต้องเร่งรัดเพื่อให้เกิดการดำเนินงานภายใน 1-2 ปี เพราะการขนส่งทางรถมันก็อันตรายด้วย” รมว.พลังงานกล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐได้มีการวางโรดแมปในการเปิดเสรีแอลพีจีหลังจากที่กำหนดราคาให้สะท้อนต้นทุนไปแล้ว โดยเฉพาะจะมีการเปิดให้รายอื่นมีการนำเข้าแอลพีจีจากที่มีเพียง ปตท.รายเดียว แต่ขณะนี้รายแรกที่เสนอนำเข้า คือ บริษัท พีเอพี แก๊ส แอน ออยล์ จำกัดแต่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ขอจึงต้องมาพิจารณาทบทวนรายละเอียด ขั้นตอนในการดำเนินงานใหม่ให้ไม่เกิดปัญหาซึ่งคงจะต้องดูบทลงโทษหากทำไม่ได้
นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.จะใช้เงินลงทุนในการมอบให้ ร.ฟ.ท.จัดหาหัวรถจักรจำนวน 10 หัว และยังลงทุนระบบแคร่ อุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาทซึ่งจะเป็นแผนระยะยาวที่จะทยอยเสร็จภายใน 4-5 ปี
ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าวก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งแอลพีจีจากปัจจุบันที่มีอยู่ 6 หัวซึ่งขนส่งแอลพีจีไปได้แค่ จ.นครสวรรค์ และ จ.ขอนแก่น จากเดิมที่ไปถึง จ.ลำปาง แต่เนื่องจากหัวรถจักรเดิมเริ่มมีอายุการทำงานที่นานจึงทำให้ขนไป จ.ลำปางไม่ได้ ส่วนหนึ่งจึงต้องขนทางรถยนต์แทนการลงทุนซื้อหัวรถจักรดังกล่าวก็จะทำให้เพิ่มการขนส่งไปยัง จ.ลำปางได้เพื่่อช่วยลดค่าขนส่งทางรถยนต์ที่จะลดได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง
“ปตท.มีโครงการเพิ่มขีดความสามารถการนำเข้า การจ่าย และระบบขนส่งแอลพีจี ที่จะลงทุน 9,900 ล้านบาท ที่จะขยายท่าเรือ และถังแอลพีจี ซึ่งจะขยายการรองรับแอลพีจีนำเข้าจากเดิม 1.3 แสนตันต่อเดือนเป็น 2.5 แสนตันต่อเดือน การขยายคลังจะเสร็จในปลาย เม.ย. หรือต้น พ.ค.นี้ แต่ขณะนี้การใช้แอลพีจีในประเทศได้ลดลงจึงทำให้คลังที่จะรองรับเหลือพอที่จะนำเข้าแอลพีจีเพื่อจำหน่ายเพื่อนบ้านซึ่งกำลังรอที่จะแจ้งรัฐในการนำเข้าอยู่” นายสรัญกล่าว
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า โรดแมปการเปิดเสรีธุรกิจแอพีจีมีอยู่ 4 ขั้นตอน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนแรกและขั้นที่ 2 ที่จะเปิดให้รายอื่นนำเข้ามาซึ่งถือเป็นการทดลองอยู่ แต่ขณะนี้การนำเข้าที่เปิดให้รายแรกไปแล้วไม่สามารถนำเข้าได้ก็อาจจะต้องพิจารณาในเรื่องของบทลงโทษ เพราะที่สุดจะเป็นภาระ ปตท.ที่ต้องหามาทดแทน ดังนั้นก็คงจะต้องมาพิจารณาขั้นตอนต่างๆ