“อารีพงศ์”ยอมรับ”คสช.”ไฟเขียวปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีในหลักการให้สะท้อนต้นทุนแล้ว จับตารัฐบาลใหม่เคาะสานต่อจ่อขึ้นLPGขนส่งนำร่องให้เท่าครัวเรือน ส่วนNGVจะขยับภายหลัง
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือแอลพีจีและก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือเอ็นจีวี ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้เห็นชอบหลักการการปรับโครงสร้างฯแล้วเพื่อที่จะนำไปสู่การสะท้อนกลไกตลาดโลก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ความรู้ด้านต้นทุนและเตรียมความพร้อมมาตรการดูแลผลกระทบโดยเฉพาะการบริการขนส่งที่เป็นสาธารณะภาพใหญ่
“ คสช.เห็นชอบแล้วก็คงจะต้องรอรัฐบาลใหม่พิจารณาไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งอาจจะต้องนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะ กรรมการนโยบายพลังงานหรือกบง. ส่วนจะขึ้นอะไรอย่างไรและขึ้นเท่าใดนั้นก็คงจะต้องอยู่ที่การพิจารณา”นายอารีพงศ์กล่าว
อย่างไรก็ตามรัฐบาลทางรัฐบาลจะมีการแถลงนโยบายวันที่ 12 ก.ย.นี้หลังจากนั้นทางนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะมีการแถลงนโยบายด้านพลังงานซึ่งงานแรกคาดว่าจะมีการหารือกับทางพม่าที่จะมีการฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 20 ปีระหว่างบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) กับพม่าถึงความร่วมมือด้านพลังงานและการเชื่อมความสัมพันธ์ในอนาคตก็จะดูในเรื่องแผนพัฒนาพลังงานที่เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลไทยเคยดำเนินการไว้แล้วก่อนหน้านี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมกบง.ที่มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจคสช.เป็นประธานเมื่อ 28 ส.ค. 57 นอกเหนือจากได้พิจารณาประกาศปรับโครงสร้างราคาน้ำมันแล้วยังได้หารือถึงการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีโดยเห็นชอบหลักการในการปรับให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยหลักการเรื่องดังกล่าวจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของกบง.ที่จะมีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงานเป็นประธานในรายละเอียด
ทั้งนี้ส่วนของกระทรวงพลังงานได้เตรียมข้อมูลในการนำเสนอการปรับโครงสร้างซึ่งจำเป็นต้องปรับส่วนของแอลพีจีภาคขนส่งให้เท่ากับครัวเรือนเรือนที่ 22.63 บาทต่อกก. เนื่องจากแอลพีจีภาคขนส่งราคาอยู่ที่เพียง21.38 บาทต่อกก. ต่างกัน 1.25 บาทต่อกก. และหลังจากนั้นจึงจะปรับราคา NGV ตามมาภายหลัง โดย
“มาตรการการปรับขึ้นแอลพีจีขนส่งให้เท่ากับครัวเรือนที่มี 2 แนวทางคือการขึ้นทันที 1.25 บาทต่อกก.ซึ่งแนวทางนี้จะต้องมีมาตรการมาดูแลและเยียวยารถบริการสาธารณะให้ใช้ในราคาเดิม แต่หากทยอยขึ้นครั้งละ 62 สตางค์ต่อกก.ก็อาจจะไม่ต้องมีมาตรการแต่ทั้งหมดนี้คงจะต้องอยู่ที่กบง.ว่าจะตัดสินใจในรายละเอียดอย่างไรเป็นสำคัญ”แหล่งข่าวกล่าว
นายอารีพงศ์ กล่าวว่า ในงาน"ก้าวสู่ทศวรรษที่3 พันธกิจสร้างคุณค่าสู่สังคมไทย" จัดโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ว่า โครงการเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 มีความจำเป็นเพราะช่วยประหยัด ช่วยประเทศชาติลดต้นทุนนำเข้าพลังงาน โดยเฉพาะหลอด LED มีเบอร์5 มีการใช้ไฟฟ้า8 วัตต์ น้อยกว่าหลอดปกติที่ใช้ไฟฟ้า 16 วัตต์ ดังนั้นโครงการประหยัดไฟฟัาเบอร์5 จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ต้องสนับสนุนให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการกฟผ.กล่าวว่า หลอดLED ที่เข้าโครงการเบอร์5 กับกฟผ.จะจำหน่ายในท้องตลาดด้วยราคาเฉลี่ย 115 บาทต่อ1 ชิ้น ถูกกว่าหลอดแอลอีดีทั่วไปที่ราคาเฉลี่ย 140-170 บาทต่อ1 ชิ้น เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิตและผู้ประกอบการเพื่อช่วยเหลือประชาชน และกฟผ.ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือด้านประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและหาซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวง่ายขึ้นโดยจะนำร่องผลิต 2 ล้านหลอดและเริ่มจำหน่ายในเดือนตุลาคมนี้ด้วยการวางขายในร้าน7-11 โฮมโปร โฮมมาร์ท โฮมเวิร์ค
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือแอลพีจีและก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือเอ็นจีวี ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้เห็นชอบหลักการการปรับโครงสร้างฯแล้วเพื่อที่จะนำไปสู่การสะท้อนกลไกตลาดโลก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ความรู้ด้านต้นทุนและเตรียมความพร้อมมาตรการดูแลผลกระทบโดยเฉพาะการบริการขนส่งที่เป็นสาธารณะภาพใหญ่
“ คสช.เห็นชอบแล้วก็คงจะต้องรอรัฐบาลใหม่พิจารณาไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งอาจจะต้องนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะ กรรมการนโยบายพลังงานหรือกบง. ส่วนจะขึ้นอะไรอย่างไรและขึ้นเท่าใดนั้นก็คงจะต้องอยู่ที่การพิจารณา”นายอารีพงศ์กล่าว
อย่างไรก็ตามรัฐบาลทางรัฐบาลจะมีการแถลงนโยบายวันที่ 12 ก.ย.นี้หลังจากนั้นทางนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะมีการแถลงนโยบายด้านพลังงานซึ่งงานแรกคาดว่าจะมีการหารือกับทางพม่าที่จะมีการฉลองครบรอบความสัมพันธ์ 20 ปีระหว่างบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) กับพม่าถึงความร่วมมือด้านพลังงานและการเชื่อมความสัมพันธ์ในอนาคตก็จะดูในเรื่องแผนพัฒนาพลังงานที่เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลไทยเคยดำเนินการไว้แล้วก่อนหน้านี้
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมกบง.ที่มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจคสช.เป็นประธานเมื่อ 28 ส.ค. 57 นอกเหนือจากได้พิจารณาประกาศปรับโครงสร้างราคาน้ำมันแล้วยังได้หารือถึงการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีและเอ็นจีวีโดยเห็นชอบหลักการในการปรับให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยหลักการเรื่องดังกล่าวจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของกบง.ที่จะมีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงานเป็นประธานในรายละเอียด
ทั้งนี้ส่วนของกระทรวงพลังงานได้เตรียมข้อมูลในการนำเสนอการปรับโครงสร้างซึ่งจำเป็นต้องปรับส่วนของแอลพีจีภาคขนส่งให้เท่ากับครัวเรือนเรือนที่ 22.63 บาทต่อกก. เนื่องจากแอลพีจีภาคขนส่งราคาอยู่ที่เพียง21.38 บาทต่อกก. ต่างกัน 1.25 บาทต่อกก. และหลังจากนั้นจึงจะปรับราคา NGV ตามมาภายหลัง โดย
“มาตรการการปรับขึ้นแอลพีจีขนส่งให้เท่ากับครัวเรือนที่มี 2 แนวทางคือการขึ้นทันที 1.25 บาทต่อกก.ซึ่งแนวทางนี้จะต้องมีมาตรการมาดูแลและเยียวยารถบริการสาธารณะให้ใช้ในราคาเดิม แต่หากทยอยขึ้นครั้งละ 62 สตางค์ต่อกก.ก็อาจจะไม่ต้องมีมาตรการแต่ทั้งหมดนี้คงจะต้องอยู่ที่กบง.ว่าจะตัดสินใจในรายละเอียดอย่างไรเป็นสำคัญ”แหล่งข่าวกล่าว
นายอารีพงศ์ กล่าวว่า ในงาน"ก้าวสู่ทศวรรษที่3 พันธกิจสร้างคุณค่าสู่สังคมไทย" จัดโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ว่า โครงการเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 มีความจำเป็นเพราะช่วยประหยัด ช่วยประเทศชาติลดต้นทุนนำเข้าพลังงาน โดยเฉพาะหลอด LED มีเบอร์5 มีการใช้ไฟฟ้า8 วัตต์ น้อยกว่าหลอดปกติที่ใช้ไฟฟ้า 16 วัตต์ ดังนั้นโครงการประหยัดไฟฟัาเบอร์5 จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ต้องสนับสนุนให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการกฟผ.กล่าวว่า หลอดLED ที่เข้าโครงการเบอร์5 กับกฟผ.จะจำหน่ายในท้องตลาดด้วยราคาเฉลี่ย 115 บาทต่อ1 ชิ้น ถูกกว่าหลอดแอลอีดีทั่วไปที่ราคาเฉลี่ย 140-170 บาทต่อ1 ชิ้น เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิตและผู้ประกอบการเพื่อช่วยเหลือประชาชน และกฟผ.ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือด้านประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและหาซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวง่ายขึ้นโดยจะนำร่องผลิต 2 ล้านหลอดและเริ่มจำหน่ายในเดือนตุลาคมนี้ด้วยการวางขายในร้าน7-11 โฮมโปร โฮมมาร์ท โฮมเวิร์ค