xs
xsm
sm
md
lg

ก.ค.นี้ไทยไม่ต้องนำเข้าแอลพีจีเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ธพ.เผยเดือน ก.ค.นี้คาดว่าไทยจะไม่ต้องนำเข้าแอลพีจีจากต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่การผลิตเพิ่มขึ้น แต่กังวลระยะยาวกรณีประมูลแหล่งเอราวัณ และบงกช ปริมาณก๊าซฯ อาจลดจะมีความเสี่ยงต่อแอลพีจีในการนำเข้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน


นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ธพ.คาดการณ์ว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ไทยจะไม่ต้องนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีนับตั้งแต่ไทยต้องมีการนำเข้าปี 2551 เป็นต้นมา เนื่องจากการผลิตแอลพีจีของไทยทั้งจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ และโรงกลั่นปิโตรเลียมในเดือน ก.ค.นี้จะเพิ่มขึ้นมาในระดับ 30,000-40,000 ตันต่อเดือน

“เราเคยนำเข้าแอลพีจีสูงสุดเฉลี่ย 180,000 ตันต่อเดือน และเดือน มิ.ย.มีการนำเข้าประมาณ 40,000 ตันต่อเดือน แต่เดือน ก.ค.คาดว่าคงจะไม่ต้องนำเข้า เพราะการผลิตที่เพิ่มขึ้นในระดับ 30,000-40,000 ตันต่อเดือน จากกรณีที่ผู้ผลิตปิโตรเคมีบางส่วนได้หันไปใช้แนพทาแทนแอลพีจี ทำให้โรงกลั่นมีแอลพีจีเหลือมาป้อนตลาดภายใน เช่นเดียวกับโรงแยกก๊าซฯ” นายวิฑูรย์กล่าว

ทั้งนี้ แม้ในระยะสั้นไทยอาจจะไม่ต้องนำเข้าแอลพีจี หรือมีการนำเข้าในอัตราที่ลดลง แต่ระยะยาวในช่วงก่อนปี 2565-66 ที่แหล่งก๊าซเอราวัณ และบงกชจะสิ้นสุดสัมปทาน และรัฐได้วางแผนที่จะมีการเปิดประมูลนั้น กรมฯ มีความเป็นห่วงว่าจะเกิดช่องรอยต่อก๊าซฯ มีปริมาณลดลงจากการที่ผู้รับสัมปทานเดิมไม่มีการลงทุนเจาะหลุมสำรวจเพิ่ม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณแอลพีจีในประเทศลดลงตามไปด้วยซึ่งก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะต้องนำเข้าในปริมาณที่มากอีกเช่นกันเพราะแอลพีจีมีการผลิตจากโรงแยกก๊าซถึง 50%

นายวิฑูรย์กล่าวว่า กรมฯ เตรียมออกระเบียบการเปิดเสรีนำเข้าแอลพีจีให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อที่จะรองรับความเสี่ยงในระยะยาวจากกรณีการเปิดประมูลแหล่งก๊าซที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานปี 2565-2566 จากเดิมที่คิดว่าอาจจะไม่ต้องเร่งรีบเนื่องจากปริมาณแอลพีจีนำเข้าค่อนข้างจะน้อยในปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น