“กกร.” ยังคงเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจปี 59 ที่ระดับ 3-3.5% ส่งออกโต 0-2% หลังสัญญาณหลายๆ ด้านฟื้นตัวทั้งการส่งออก การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐ การท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศ แต่วิตกค่าเงินบาทที่แข็งค่าเพิ่มขึ้นหวั่นฉุดรายได้ลดซ้ำเติมส่งออก
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ว่า กกร.ยังคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2559 อยู่ที่ระดับ 3-3.5% และตัวเลขการส่งออกปีนี้ที่ 0-2% คงเดิมเนื่องจากมีสัญญาณหลายด้านฟื้นตัว แต่ยังคงมีความกังวลอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นซึ่งอาจกระทบต่อรายได้การส่งออกที่ลดต่ำลง
“เรามีความกังวลค่าเงินบาทที่มีทิศทางที่จะแข็งตัวเพิ่มขึ้นจากการเคลื่อนย้ายการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในระยะนี้ แต่ภาพรวมก็ถือว่าค่าเงินบาทของเราไม่ได้ต่างไปจากประเทศคู่แข่งทางการค้าในภูมิภาคนี้มากนัก แต่ก็ยังต้องติดตามใกล้ชิดถึงทิศทางดังกล่าวหลังจากนั้นจึงจะมาดูว่าควรจะทบทวนตัวเลขส่งออกหรือไม่อย่างไร” นายเจนกล่าว
สำหรับการคงเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและการส่งออกไว้ระดับเดิมเพราะกกร.ได้พิจารณาเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากการส่งออกที่เริ่มดีขึ้น ขณะที่แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจากภาครัฐโดยเฉพาะงบลงทุนเริ่มมีการเบิกจ่ายมากขึ้นซึ่งการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมในช่วงครึ่งปีแรกปีงบประมาณ 2559 อยู่ที่ระดับ 31.9% ของงบลงทุนทั้งหมด ตลอดการท่องเที่ยวยังมีการขยายตัวค่อนข้างแข็งแกร่ง ฯลฯ
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า แนวโน้มการบริโภคของคนไทยไตรมาส 2 เริ่มมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยส่วนหนึ่งมาจากการท่องเที่ยวที่เติบโต ส่วนปัจจัยค่าเงินบาทที่แข็งค่ายังคงเป็นไปตามทิศทางที่เคยประเมินว่าจะมีทิศทางแข็งค่าขึ้นจากการเข้ามาลงทุนของต่างประเทศในไทย แต่ภาพรวมค่าเงินบาทยังคงสอดคล้องกับประเทศในภูมิภาค ยกเว้นบางประเทศเท่านั้น
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทช่วงสิ้นปีที่แล้วเฉลี่ยอยู่ที่ 36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่ความเคลื่อนไหวช่วง มี.ค.-เม.ย. อยู่ที่ระดับ 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ มีการแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยแต่ภาพรวมทั้งปีก็คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทของไทยน่าจะเฉลี่ยที่ระดับ 36.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ภาพรวมก็ยังถือว่าเป็นอัตราที่ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใดหากเทียบกับภูมิภาค อย่างไรก็ตามต้องติดตามใกล้ชิดต่อไป