ผู้จัดการรายวัน 360 - กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเดินหน้าโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสู่ความเป็นเลิศในอาเซียน จับมือ มศว นำทีมผู้ประกอบการจาก 3 อุตสาหกรรมหลักร่วมงาน Hong Kong Gifts & Premium Fair 2016 ระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2559 ณ ฮ่องกง เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์
ตามที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมมือกับศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ในฐานะที่ปรึกษาโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการต่อยอดตราสินค้าสู่อาเซียน หนึ่งในโครงการ Fashion Brand Excellence in ASEAN โครงการสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการค้นหาตัวตน (DNA) ของกิจการ เพื่อเข้าสู่กระบวนการสร้างกิจการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับ DNA ที่มีความโดดเด่น แตกต่างเพื่อตอบโจทย์แฟชั่นและตลาดนั้น
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการอบรมพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการสู่ความเป็นเลิศทางด้านการพัฒนาต่อยอดตราสินค้าที่มีอยู่เดิมให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ตลอดจนมีองค์ความรู้ด้านการตลาดและการสร้างกิจการครบวงจร โดยเน้นกลุ่มเป้าหมาย 3 อุตสาหกรรมแฟชั่นหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้า และอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ โดยมีผู้ประกอบการที่ผ่านการอบรมอย่างเข้มข้นจากผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่น การตลาด และแบรนด์ จำนวน 50 แบรนด์
โครงการฯ ได้เฟ้นหาผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์ และแบรนด์ที่มีความพร้อมที่สุดเพียง 15 แบรนด์ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจำนวน 4 แบรนด์ ได้แก่ ADHOC, LABEL31, IDYLLIC และ IAMES อุตสาหกรรมเครื่องหนังและรองเท้า จำนวน 6 แบรนด์ ได้แก่ Cozy Cottage, Least studio, 2553, Something Simple, OPIYA และ Mocktail’s อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ จำนวน 5 แบรนด์ ได้แก่ Rock me jewelry, Jan and may, Pasu, Jittrakarn และ Make n happen
กสอ. จะร่วมกับ มศว นำทีมสุดยอดผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกดังกล่าวเข้าร่วมแสดงศักยภาพซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของโครงการฯ เพื่อเปิดตลาดการค้าในงานแสดงสินค้าระดับโลกคือ “ฮ่องกง กิฟท์ส์ แอนด์ พรีเมียม แฟร์ 2559” (Hong Kong Gifts & Premium Fair 2016) งานแสดงสินค้าแฟชั่นระดับนานาชาติที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 31 ระหว่างวันที่ 27-30 เมษายน 2559 จัดโดย Hong Kong Trade Development Council โดยคาดว่าปีนี้จะมีสินค้าที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้ากว่า 4.2 พันบูท จาก 38 ประเทศ มีจำนวนผู้ทำหน้าที่จัดซื้อ (Buyers) จากธุรกิจต่างๆ เข้าชมงานกว่า 5 หมื่นคนจากทั่วโลก
นายอาทิตย์กล่าวเพิ่มเติมว่า เกณฑ์การคัดเลือกผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในการเปิดตลาดในอาเซียนพิจารณาจาก 3 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านธุรกิจ - ต้องมีความตั้งใจที่จะพัฒนาตนเองสู่ความเป็นมืออาชีพ และผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ 2. ด้านแบรนด์ - ต้องมีกลยุทธ์การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Brand Positioning Strategy) และมีการวางแผนธุรกิจที่เห็นเป็นรูปธรรม 3. ด้านผลิตภัณฑ์ - ต้องเป็นผลงานที่ดีมีความเป็นต้นแบบ มีผลงานที่ออกแบบสร้างสรรค์ด้วยตนเอง และไม่มีประวัติการลอกเลียนแบบ
สำหรับคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญการพิจารณา ประกอบด้วยคณาจารย์จาก มศว โดย ดร.ปราถนา คงสำราญ และอาจารย์จิตรา มั่งมา เจ้าของห้องเสื้อ “จิตรา คลอเซ็ท” ประเทศออสเตรเลีย พร้อมผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ทั้งนี้เพื่อมั่นใจได้ว่แบรนด์ไทยจะสามารถเปิดตลาดอาเซียนได้อย่างเต็มภาคภูมิ โดยหลังจากการแสดงผลงานที่ฮ่องกงจะมีการประเมินผลการตอบรับจากงานดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการต่อยอดตราสินค้าสู่อาเซียนในอุตสาหกรรมแฟชั่น เป็นกิจกรรมส่งเสริมผู้ประกอบการแต่ละวิสาหกิจให้ได้รับการอบรมจากผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่น การตลาด และการสร้างแบรนด์ของตนเองให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อพร้อมต่อยอดสู่การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของตนเองให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในวงการแฟชั่นระดับอาเซียนตามยุทธศาสตร์การส่งเสริมธุรกิจอุตสาหกรรมให้เกิดการเชื่อมโยงกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อการแข่งขันในระดับสากลผ่านกิจกรรม “Thailand Fashion Design Brands Development byDIP” ภายใต้ “กิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์และต่อยอดตราสินค้า สู่อาเซียน” ในกรอบแนวคิดหลัก “ดีสเปซ” (DSpace)