ธุรกิจไทยมีธรรมาภิบาลมากขึ้น หลังกรมพัฒน์ฯ เอาจริง ทั้งตรวจสอบบัญชี งบการเงิน หากพบผิดปกติขึ้นข้อความเตือนธุรกิจนี้มีความเสี่ยง และขึ้นบัญชีดำ พร้อมส่งต่อ ป.ป.ช. ดีเอสไอ จัดการต่อ
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในปี 2559 กรมฯ มีแผนที่จะดำเนินการตรวจสอบบัญชีและงบการเงินของธุรกิจกว่า 300,000 ราย เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้กลายเป็นธุรกิจสีขาวทั้งหมด โดยหากพบธุรกิจที่ดำเนินการไม่โปร่งใสก็จะเอาผิดอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการระบุหมายเหตุในหนังสือรับรอง เพื่อเตือนให้ผู้ที่จะดำเนินธุรกิจร่วมกับนิติบุคคลรายดังกล่าวได้มีข้อสังเกตและต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น การขึ้นบัญชีดำ และส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบเอาผิด
“ล่าสุดมีการขึ้นทะเบียน Black List นิติบุคคลจำนวนทั้งสิ้น 7,841 ราย แต่ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าธุรกิจที่เคยกระทำผิดกฎหมายได้ปรับปรุงแก้ไขการดำเนินธุรกิจที่ผิดพลาดให้กลับเข้าสู่ระบบธรรมาภิบาลมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กรมฯ บังคับใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจัง”
สำหรับนิติบุคคลที่ทำผิดกฎหมาย มีโทษสูงสุดของการกระทำผิดกฎหมายบัญชี คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตลอดจนการส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมสรรพากร สำนักงาน ป.ป.ช. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ส่วนธุรกิจที่ฝ่าฝืนคำสั่งสารวัตรใหญ่บัญชี สารวัตรบัญชี ในการตรวจสอบบัญชีธุรกิจช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และได้ดำเนินคดีไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 42,183 ราย แบ่งเป็นปี 2556 จำนวน 12,466 ราย ปี 2557 จำนวน 12,859 ราย และปี 2558 จำนวน 16,858 ราย
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า ผลการตรวจสอบกลุ่มธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนสูงเกินกว่า 5 ล้านบาท และต้องแสดง Bank Statement ต่อนายทะเบียนเพื่อยืนยันสถานะทางการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อเป็นการสร้างความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจ พบว่ามีธุรกิจบางส่วนที่ยังขัดขืนไม่แสดงหลักฐานเกี่ยวกับทุนจดทะเบียนดังกล่าว ซึ่งกรมฯ จะต้องเข้าไปตรวจสอบการจัดทำบัญชีของธุรกิจเหล่านั้น และหากรายใดยังคงฝ่าฝืนคำสั่งสารวัตรบัญชีก็จะต้องดำเนินการทางกฎหมายที่เข้มข้นต่อไป
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลหรืองบการเงินของนิติบุคคลได้จากเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th หัวข้อ “คลังข้อมูลธุรกิจ” และยังสามารถตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลได้ผ่าน Application DBD e-Service โดยล่าสุดได้เพิ่มเติมบริการตรวจค้นข้อมูลร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนพาณิชย์ได้ด้วย