xs
xsm
sm
md
lg

“รอยัล เจมส์” ทุ่มทุน 2 พันล้าน ผุดศูนย์อัญมณีใหญ่สุดใน AEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“โอฬาร โรจน์รุ่งรังสี” ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท รอยัล เจมส์ พาวิลเลี่ยน จำกัด
ผู้จัดการรายวัน 360 - ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณีไทย ผุดศูนย์การค้าอัญมณี “Royal Gems Pavilion” ในภูเก็ต ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมผู้ผลิตทุกระดับกว่า 150 รายนำเสนอสินค้ากว่า 15 แบรนด์ ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวและลูกค้าเข้าชม 1 ล้านคนต่อปี พร้อมคืนทุนใน 5 ปี

นายโอฬาร โรจน์รุ่งรังสี ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัท รอยัล เจมส์ พาวิลเลี่ยน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้งบประมาณลงทุนกว่า 2 พันล้านบาทเปิดศูนย์แสดงจิวเวลรีและอัญมณีไทยครบวงจร “Royal Gems Pavilion” ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส เป็นอาคาร 3 ชั้น ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่รวม 15 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ใช้สอย 2 หมื่น ตร.ม. พร้อมที่จอดรถยนต์ 100 คัน และรถโดยสารขนาดใหญ่ 120 คัน

การเปิดศูนย์แสดงจิวเวลรี่และอัญมณีไทยแห่งนี้ถือเป็นลำดับที่ 2 ในจังหวัดภูเก็ตและเป็นลำดับที่ 4 ของบริษัทฯ รองจากกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต เนื่องจากบริษัทเห็นถึงโอกาสการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตซึ่งกำลังมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกๆ ด้าน รวมถึงโครงการก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ในอนาคตอันใกล้ โดยคาดหวังว่าศูนย์แสดงจิวเวลรี่และอัญมณีแห่งนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว

ศูนย์แสดงจิวเวลรีและอัญมณี “Royal Gems Pavilion” เน้นจำหน่ายเครื่องประดับและอัญมณีเป็นสัดส่วน 80% โดยมีพันธมิตรผู้ผลิตเครื่องประดับและอัญมณีทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ เป็นจำนวนกว่า 150 ราย ร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ต่างๆ 15 ราย คิดเป็นสัดส่วน 60% ส่วนอีก 40% เป็นสินค้าของบริษัท รอยัล เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ขณะที่พื้นที่อีก 20% เป็นการจำหน่ายสินค้าโอทอปเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสปาของชุมชนภูเก็ต

“จากการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน พบว่ามีลูกค้าเข้าเยี่ยมชมและซื้อสินค้าเฉลี่ยวันละ 2 พันคน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง และอื่นๆ ประมาณ 80% มีการจับจ่ายซื้อสินค้าเฉลี่ยคนละ 2-5 หมื่นบาท ส่วนอีก 20% เป็นคนไทยมีการจับจ่ายประมาณ 1-3 หมื่นบาท”

นายโอฬารกล่าวอีกว่า เบื้องต้นบริษัทฯ ใช้งบประมาณการตลาด 50 ล้านบาทในการสร้างการรับรู้ผ่านสื่อออนไลน์เป็นหลัก โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปีแรกจะมีนักท่องเที่ยวและลูกค้าเข้าเยี่ยมชมศูนย์แสดงอัญมณีแห่งนี้ประมาณ 1 ล้านคน พร้อมใช้เวลา 5 ปีในการคืนทุน

“การเปิดศูนย์แสดงจิวเวลรีและอัญมณีในลักษณะนี้ถือเป็นการช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณีไทยในอีกระดับหนึ่ง เพราะเป็นการช่วยทำให้ผู้ผลิตรับทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถทำรายได้จากการจำหน่ายผ่านศูนย์แสดงจิวเวลรี่ประมาณ 90% ส่วนอีก 10% เป็นรายได้จากการจำหน่ายผ่านโรงงาน”





กำลังโหลดความคิดเห็น