รัฐเอาจริง! จัดระเบียบแท็กซี่พัทยาใหม่สร้างความเป็นธรรมผู้บริโภค

ศูนย์ข่าวศรีราชา - รัฐเอาจริงจัดระเบียบแท็กซี่พัทยาใหม่ หลังนายกรัฐมนตรี สั่งตรงปฏิบัติการเชิงรุกใน 6 พื้นที่ท่องเที่ยว เน้นแก้ปัญหาการให้บริการที่ไม่เป็นธรรม ขณะที่ผลกระทบข้างเคียงกรณีแท็กซี่รอบนอกรุกพื้นที่ทำกิน และรถป้ายดำ เตรียมดำเนินการขั้นเด็ดขาดแล้ว

วันนี้ (9 ก.พ.) พล.ต.ต.วรัตน์ชัย ศรีรัตนวุฑฒิ รอง ผบช.ภาค 2 เป็นประธานการประชุมร่วมข้าราชการตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครองเมืองพัทยา และภาคเอกชน ณ โรงละครอัลคาซาร์พัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อชี้แจงนโยบาย และมาตรการเกี่ยวกับการจัดระเบียบการประกอบการของกลุ่มรถแท็กซี่ในเมืองพัทยา หลังนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมทุกภาคส่วนแก้ไขปัญหารถโดยสารสาธารณะ

โดยเฉพาะใน 6 โซนพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เชียงราย เชียงใหม่ สมุย ภูเก็ต หาดใหญ่ และเมืองพัทยา หลังได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวเรื่องการให้บริการที่ไม่เป็นธรรมในหลายกรณี ทั้งการไม่รับผู้โดยสาร ไม่กดมิเตอร์ ไม่คิดราคาตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ส่งลงปลายทาง ใช้กิริยาที่ไม่สุขภาพ และใช้รถที่ไม่ได้รับอนุญาต ฯลฯ ซึ่งถือว่าสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีผู้ประกอบการรถแท็กซี่จากสหกรณ์ จำนวน 6 รายในพื้นที่จังหวัดชลบุรีเข้าร่วมกว่า 300 คน

พล.ต.ต.วรัตน์ชัย กล่าวว่า จากนี้จะมีการบูรณาการร่วมทุกภาคส่วนในการออกมาตรการ พร้อมตรวจเข้มเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้หมดไป ซึ่งจะมีการตรวจเข้มเพื่อควบคุมปัญหาตลอด 1-2 เดือนจากนี้ โดยเฉพาะกรณีการไม่กดมิเตอร์ ไม่พกพาใบขับขี่ ไม่มีบัตรแสดง แต่งกายไม่เรียบร้อย จอดรถในที่ห้ามจอด เป็นต้น

ขณะที่ปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้ประกอบการเองที่ระบุว่าสาเหตุหลักคือ มาตรฐานของอัตราค่าบริการที่ไม่สอดคล้องต่อสภาพเศรษฐกิจ และไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ รวมถึงปัญหารถแท็กซี่จาก กทม. เข้ามาให้บริการทับซ้อนนั้น ได้มอบหมายให้สำนักงานขนส่งจังหวัด ทำเรื่องหารือไปยังส่วนกลางเพื่อแก้ไขกฎกระทรวงใหม่ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น

พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ระบุว่า ปัญหาอีกประการที่ภาคเอกชนเสนอ คือ การควบคุมปริมาณรถโดยสารสาธารณะให้เกิดความเหมาะสม รวมทั้งการแก้ไขปัญหาอัตราค่าบริการที่ต้องเป็นธรรมต่อทั้งผู้บริโภค และผู้ประกอบการ ปัญหาผู้ประกอบการรถเช่ายึดพื้นที่จอดรถสาธารณะ และปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำที่ถือเป็นปัญหาใหญ่ และเกิดขึ้นในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆอย่างจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะเรื่องของผู้มีอิทธิพล โดยจากนี้จะมีการลงพื้นที่สำรวจเพื่อจัดการอย่างจริงจัง และหากผู้ปฏิบัติแก้ไขไม่ได้ก็จะถือว่ามีความผิด

พร้อมกันนี้ ทุกฝ่ายยังได้ร่วมกันติดสติกเกอร์แจ้งเหตุร้องเรียน 1337 ไปติดตั้งไว้บริเวณกระจกหน้ารถแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการกว่า 300 คัน ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ เพื่อเป็นข้อมูลในการแจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม