เชียงใหม่ - รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สั่งจัดระเบียบรถแท็กซี่เชียงใหม่ที่มีมากกว่า 300 คัน หลังได้รับการร้องเรียนบางคันไม่กดมิเตอร์ แต่ชอบเหมานักท่องเที่ยวคิดราคาแพงเกินความเป็นจริง ทั้งปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร ซึ่งผิดเงื่อนไข พร้อมกับการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด และยังห้ามรับอั่งเปาเด็ดขาดช่วงตรุษจีน
พล.ต.ต.พงษ์สักก์ เชื้อสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ประชุมมอบนโยบายให้แก่ตำรวจจราจรระดับรองสารวัตร ถึงระดับรองผู้กำกับการ ในการปฎิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาจราจรติดขัดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยให้ตำรวจแต่ละนายที่ได้รับผิดชอบหน้าที่ควบคุมการจราจร ไปวิเคราะห์การแก้ไขปัญหาที่ติดขัดจะมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร ทั้งในภาวะปกติ ภาวะวิกฤต และช่วงเทศกาล
“และในช่วงตรุษจีนนี้ห้ามตำรวจทุกนายไปยืนรับอั่งเปาตามหน้าร้านทอง ที่ชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมแจกซองอั่งเปาให้แก่ลูกค้า หรือลูกน้อง หากมีคลิปออกมาเผยแพร่ทางสื่อฯ ตำรวจนายนั้นจะต้องถูกลงโทษทางวินัย ซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม เป็นข้าราชการต้องมีศักดิ์ศรี” รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าว
รวมทั้งให้มีการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ ทั้งรถรับจ้างสี่ล้อแดง และรถแท็กซี่มิเตอร์ ที่มีการเอาเปรียบผู้โดยสาร ทั้งปฏิเสธรับผู้โดยสาร และไม่กดมิเตอร์ระหว่างรับผู้โดยสารออกจากต้นทาง แต่จะคิดเหมาจ่าย ซึ่งผิดเงื่อนไข และกฎหมายให้จับกุมดำเนินคดี ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ มีรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนมากถึง 365 คัน คิดอัตราค่าโดยสารเริ่มต้น 2 กิโลเมตรแรกคิดราคา 40 บาท และกิโลเมตรที่ 2-10 คิดเพิ่มกิโลเมตรละ 10 บาท และเกิน 10 กิโลเมตรขึ้นไปคิดราคาอีกกิโลเมตรละ 6 บาท
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เผยว่า เป็นนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้มีการจัดระเบียบรถรับจ้างทุกประเภทไม่ให้เอาเปรียบผู้บริโภค โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตามจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยว โดยเน้นแก้ปัญหาเร่งด่วนที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงรายก่อน
สำหรับพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 5 มีรถแท็กซี่มิเตอร์ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 365 คัน เชียงราย 224 คัน ลำปาง 7 คัน และน่าน 10 คัน และรถสี่ล้อรับจ้าง มากกว่า 4 พันคัน และในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ จะเรียกผู้ประกอบการรถรับจ้าง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ขนส่ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมหารือ และแก้ไขปัญหาเพื่อให้ได้มาตรฐานต่อไป
