“พาณิชย์” เชิญ “สมคิด” เป็นประธานลงนามใน MOU ดึงรายใหญ่ช่วย SMEs ขยายตลาดการค้า การลงทุนในตลาด CLMV มั่นใจขยายการค้าและการลงทุนได้เพิ่มขึ้นแน่
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เตรียมเชิญ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานในการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย เช่น บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) ในการดำเนินโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ในการขยายการค้าและการลงทุนตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม)
“การดำเนินโครงการผลักดัน SMEs ไปขยายตลาด CLMV เป็นการร่วมมือภายใต้โครงการประชารัฐ ที่เอกชนรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จจะเข้ามาช่วยเหลือ SMEs รุ่นน้องในการขยายตลาดการค้า และการลงทุน เพราะรุ่นพี่เหล่านี้มีประสบการณ์ในการทำตลาด และรู้ว่าควรจะเข้าช่องทางไหนเพื่อให้ประสบความสำเร็จ”
ทั้งนี้ แนวทางในการดำเนินการ เอกชนรายใหญ่จะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้กับ SMEs โดยจะมีการคัดเลือก SMEs ที่ตรงตามความเชี่ยวชาญของรายใหญ่ แล้วนำมาฝึกอบรม แนะนำข้อมูล แนะนำช่องทางในการเข้าไปทำการค้า การลงทุน ซึ่งจะทำให้ SMEs เริ่มต้นได้ง่ายกว่าการเดินทางไปเจาะตลาดด้วยตนเอง เพราะเอกชนรายใหญ่มีประสบการณ์ในการทำตลาดมายาวนาน และส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จในตลาด CLMV อยู่แล้ว
นางมาลีกล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่พร้อมที่จะร่วมมือกับภาครัฐและช่วยเหลือ SMEs ให้มีการขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยเฉพาะการผลักดันให้มีการออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งกรมฯ ได้ให้ความสำคัญ และถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการ โดยได้นำร่องที่ตลาด CLMV เพราะอยู่ใกล้ชิดกับไทย มีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
“ทุกคนที่เข้ามาทำโครงการนี้มีแต่วินวินกันทั้งหมด รายใหญ่ก็วิน SMEs ก็วิน เพราะเวลาไปก็จะไปได้เป็นแพกใหญ่ ทำให้เกิดอิมแพกต์ได้มาก อย่าง BJC ก็มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มอุปโภคบริโภค SCG เชี่ยวชาญสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง หรืออย่างศรีไทย ก็เชี่ยวชาญในเรื่องสินค้าที่ทำจากเมลามีนและพลาสติก SMEs ที่ต้องการจะไปค้าขายหรือไปลงทุน ก็สามารถขอคำปรึกษาจากรายใหญ่เหล่านี้ได้”
นางมาลีกล่าวอีกว่า ตลาด CLMV ยังเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตได้สูง แม้ว่าเศรษฐกิจหลายประเทศจะชะลอตัว โดยกรมฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการขยายตลาดการส่งออกไปยังตลาดเหล่านี้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดทำกิจกรรม Top Thai Brand ที่จะนำสินค้าที่มีแบรนด์ของไทยไปจัดแสดงและจำหน่าย เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มการจดจำต่อสินค้าไทย ซึ่งจะมีผลทำให้ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันผู้บริโภคใน CLMV เริ่มให้ความสำคัญต่อสินค้าที่มีแบรนด์เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสดีในการผลักดันการส่งออกสินค้าที่มีแบรนด์ของไทย