“สุวิทย์” วางเอกชนเป็นหัวหอกขับเคลื่อน ตั้งเป้าขยายแฟรนไชส์สู่เวทีโลกได้กว่า 330 สาขา สร้างมูลค่าตลาดปีละ 20,000 ล้านบาท วางแผนส่งเสริมเอสเอ็มอี มุ่งการตลาดสร้างนักค้ามืออาชีพ 15,000 รายใน 5 ปี พร้อมวางแผนดันเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนปีแรก 18,000 ราย
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสมาคมแฟรนไชส์ไทย ว่า ทางกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการส่งเสริมเอสเอ็มอี และแฟรนไชส์ไว้หลายแนวทาง และหนึ่งในนั้น คือ การผลักดันแฟรนไชส์ไทยไปสู่ตลาดโลก โดยเป็นการทำงานร่วมกับภาคเอกชน และให้ภาคเอกชนเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อน และวางนโยบาย ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะทำหน้าที่เป็นกำลังเสริมช่วยผลักดัน และสนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรมต่างๆ
สำหรับแนวทางในการผลักดันแฟรนไชส์ไปสู่ตลาดโลก เป็นการวางแผนระยะยาว 3 ปี และ 5 ปี ตามลำดับ โดยแผนทางสมาคมวางไว้ภายในระยะเวลา 3 ปี ทางสมาคมแฟรนไชส์ตั้งเป้าขยายธุรกิจแฟรนไชส์ไทยไปสู่ตลาดโลก โดยเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน 9 ประเทศ และ 2 ประเทศในเอเชีย คือ จีน ญี่ปุ่น และตะวันออกกลางอีก 1 ประเทศ
ทั้งนี้ แผนที่สมาคมฯ วางไว้ว่าภายในระยะเวลา 3 ปีมีแฟรนไชส์เปิดตลาดต่างประเทศได้ 50 ราย สามารถขยายสาขาได้ 850 สาขาในต่างประเทศ โดยในปีแรกตั้งเป้าขยายแฟรนไชส์ 22 ราย จำนวน 330 สาขา ในกลุ่มประเทศที่กล่าวมาข้างต้น สร้างมูลค่าตลาดช่วงเริ่มต้น 5,000 ล้านบาทต่อปี หลังจากนั้นปีต่อไปคาดมีมูลค่าตลาดทุกปี ปีละ 20,000 ล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้ามีสัดส่วนตลาด 5% จากตลาดแฟรนไชส์รวมของโลก
ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ มีแผนส่งเสริมเอสเอ็มอีไว้หลายแนวทาง ซึ่งจะมีการนำเสนอแผนหลัก คือ การสร้างนักค้ามืออาชีพ ตั้งเป้าปีละ 15,000 ราย ในระยะเวลา 5 ปี ใช้งบอยู่ที่ 87 ล้านบาท ส่วนที่ 2 คือ โซเชียลบิสิเนส สร้างชุมชนผู้ประกอบการในอินเทอร์เน็ต ต้้งเป้า 5,000 ราย ปีแรก ตั้งเป้า 500 ราย ใช้งบ 32 ล้านบาท และหัวใจสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ คือ สร้างกฎหมายหลักประกันธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุน ใช้งบ 90 ล้านบาท โดยกระทรวงฯ วางไว้ว่าภายในระยะเวลา 1 ปีมีผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ถึง 18,000 ราย และภายใน 5 ปีจะมีผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ถึง 280,000 ราย
และในส่วนของการสร้างแฟรนไชส์ไปสู่ตลาดต่างประเทศ เป็นหนึ่งในแผนส่งเสริมเอสเอ็มอีไปสู่ตลาดโลก โดยกระทรวงฯ ตั้งเป้าแฟรนไชส์ที่ได้มาตรฐาน 182 ราย ที่พร้อมจะไปต่างประเทศในระยะเวลา 1 ปี และเพิ่มขึ้นเป็น 300 รายภายในระยะเวลา 3 ปี โดยขยายสาขาได้ 1,800 สาขาใน 38 ประเทศทั่วโลก แผนโดยรวมของกระทรวงพาณิชย์คือภายในระยะเวลา 1 ปี
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะร่วมกันเสนอมาตรการการขับเคลื่อน SMEs ระยะเวลา 3 ปี (ปี 2559-2561) เพื่อเชื่อมโยงตั้งแต่การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต การบริหารจัดการ การใช้เทคโนโลยี และการพัฒนานวัตกรรมให้เกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์ รวมทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ จนสามารถนำสู่การสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเพิ่มการลงทุนในประเทศ และผลักดันรายเดิมให้มีศักยภาพที่จะขยายการค้าการลงทุนจากตลาดท้องถิ่นสู่อาเซียนและตลาดโลก ซึ่งจะส่งผลต่อการจ้างงาน การเพิ่มการใช้จ่ายภายในประเทศ การสร้างมูลค่าเพิ่ม และการดึงเงินตราต่างประเทศเข้ามาเพิ่ม GDP ของประเทศในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ มุ่งสู่มาตรการสร้างสังคมผู้ประกอบการและความเข้มแข็ง SMEs โดยการสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ และพัฒนาศักยภาพ SMEs ด้านโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาธุรกิจรายสาขา ด้วยการสร้างการเรียนรู้ การฝึกปฏิบัติจากโลกการค้าจริง เพื่อให้มีความเป็นผู้ประกอบการที่เป็นนักการค้ามืออาชีพ สามารถสร้างและขยายการค้า การลงทุนในตลาดทุกระดับเป้าหมายไม่น้อยกว่า 15,000 ราย ใน 3 ปี การส่งเสริม Social Business ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีขีดความสามารถในการดำเนินงานเชิงธุรกิจ มีเครือข่ายที่จะสร้างรายได้
เพิ่มการจ้างงานส่งผลต่อความเติบโตแข็งแรงของชุมชนในแต่ละพื้นที่ เป้าหมายรวม 5,000 ราย ใน 3 ปี และเพื่อรองรับมาตรการทางการเงิน ได้มีการจัดตั้งสำนักงานหลักประกันทางธุรกิจเป็นหน่วยงาน ทำหน้าที่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ที่ขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สินเชื่อเพื่อธุรกิจมากขึ้น
ส่วนการดำเนินงานตามภารกิจหลักของกระทรวงพาณิชย์อีกด้านหนึ่ง คือ การสร้างตลาดให้แก่ SMEs โดยวางมาตรการสร้างตลาดทุกระดับเชื่อมโยงท้องถิ่น อาเซียน และตลาดโลกในตลาดระดับท้องถิ่นได้ตระหนักถึงความจำเป็นของภาคเกษตรที่ต้องมีตลาดกลางที่มีศักยภาพความเป็นมาตรฐานในการเป็นศูนย์กลางรองรับผลผลิต สามารถลดต้นทุนลอจิสติกส์ ลดค่าการตลาด และเพิ่มมูลค่าของผลผลิต ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 54 แห่ง อีกทั้งการคำนึงถึงการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจภายในชุมชน การสร้างโอกาสทางการค้าให้แก่ SMEs และวิสาหกิจชุมชนในแต่ละท้องถิ่น รวมไปถึงผลพลอยได้จากการกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาตลาดชุมชนเพื่อธุรกิจท้องถิ่น 231 แห่งทั่วประเทศ
เมื่อ SMEs มีขีดความสามารถที่จะขยายสู่ตลาด ASEAN จะต้องได้รับการส่งเสริมให้ข้ามผ่านเส้นการค้าชายแดน ได้แก่ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวันซึ่งเป็นที่นิยมและต้องการของประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงผู้ผลิต SMEs ที่มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์จะรวมกันเป็นเครือข่ายร่วมกันขยายตลาดการค้าชายแดนที่สามารถขยายโอกาสต่อเนื่องเข้าไปถึงตลาดในประเทศกลุ่ม ASEAN โดยเฉพาะ CLMV และมาเลเซีย (CLMMV) ขณะนี้มีร้านค้าส่ง-ปลีกรายใหญ่ตามชายแดนที่ได้รับการพัฒนาจากกระทรวงพาณิชย์จำนวน 22 จังหวัด รวม 45 ร้านที่พร้อมจะขยายการค้า การลงทุนแล้ว นอกจากนั้น เพื่อเป็นการเผยแพร่ศักยภาพและขยายตลาดการค้าสร้างโอกาสของผู้ประกอบการไทยในกลุ่ม ASEAN ได้มีการกำหนดแผนงานจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าเพื่อเจาะตลาดหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจใน ASEAN ภายใต้การจัดงาน Thailand Week ในแต่ละประเทศ
ธุรกิจไทยหลายสาขามีขีดความสามารถในการขยายสู่ตลาดโลก อย่างไรก็ตาม การผลักดันของภาครัฐจะเพิ่มโอกาสในการเชื่อม SMEs ไทยสู่ตลาดโลกมากยิ่งขึ้น จากการเป็นหัวหอกของภาครัฐ เพื่อให้เอกชนเข้าถึงตลาดกลุ่มเป้าหมาย ลดปัญหาอุปสรรคและลดความเสี่ยงทางการค้า การลงทุนในการเจรจาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ได้มีการปลุกปั้นและส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ไทยมาโดยตลอด จนสามารถขยายสู่ตลาดต่างๆ ทั้งในประเทศและตลาดโลก ซึ่งยังคงต้องผลักดันอย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาแฟรนไชส์ไทยที่มีมาตรฐานระดับสากลให้ก้าวสู่การเจรจาการค้าและการขยายธุรกิจให้แก่นักลงทุนในต่างประเทศหรือสร้างโอกาสที่จะลงทุนเองในตลาดต่างประเทศ เป้าหมายไม่น้อยกว่า 100 ราย/ปี สามารถขยายการค้า การลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่า 300 ราย/ปี
สำหรับ SMEs ที่มีขีดความสามารถในการทำการค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมการค้า สนับสนุนให้ SMEs ไปขยายตลาดต่างประเทศภายใต้โครงการ SMEs Pro-Active Program ที่มีการจัดคณะผู้แทนการค้า การเข้าร่วมงานแสดงและจำหน่ายสินค้านานาชาติ เป้าหมาย 3 ปีไม่น้อยกว่า 2,600 ราย ในปีแรกไม่น้อยกว่า 900 ราย และยังดำเนินการต่อยอดการสร้างตราสินค้าไทยให้เป็นที่ยอมรับในเวทีการค้าโลกด้วย การจัดงานแสดงสินค้าสุดยอดแบรนด์ไทย Top Thai Brands ในประเทศและต่างประเทศ เป้าหมายเพื่อเผยแพร่ผลิตภัณฑ์และตราสินค้าไทย รวม 3 ปี ไม่น้อยกว่า 500 ราย และที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ คือ การสร้างช่องทางการตลาดรองรับโลกยุคดิจิตอล กระทรวงพาณิชย์ได้พัฒนา www.Thaitrade.com เป็นช่องทางการขยายตลาดการส่งออก B2B และขยายต่อเนื่องไปยังกลุ่ม B2B2C เพื่อตอบสนองคำสั่งซื้อขนาดเล็ก Small Order Ok (SOOK) โดยคาดว่าจะมีฐานลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านทางออนไลน์เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 10,000 ราย
กระบวนการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์นั้น คาดว่าใน 3 ปีจะสามารถพัฒนา SMEs ไม่น้อยกว่า 58,940 ราย และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน 338,800 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 419 พันล้านบาท ปี 2559 ขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม วงเงิน 704.64 ล้านบาท SMEs จำนวน 18,035 ราย และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน 280,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 333 พันล้านบาท
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *