บ้านปู ทุ่ม 5 พันล้านเหรียญ ดันเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าให้ได้ 4.3 พันเมกะวัตต์ ในปี 2568 มองโอกาสลงทุนทั้งไทย อาเซียน จีน และญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน มองหาโอกาสการซื้อเหมืองถ่านหินเพิ่มเติม
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทวางเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการร่วมลงทุนเป็นระดับ 4,300 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีราว 1,800 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งหมดราว 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นการลงทุนโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และอีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการลงทุนพลังงานทดแทนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสัดส่วน 20% ของกำลังผลิตไฟฟ้ารวม
โดยบริษัทมีแผนการเพิ่มทุนเพื่อระดมทุนราว 1.29 หมื่นล้านบาทนั้น เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่งบดุลของบริษัทรองรับการเติบโตได้ในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทมองหาโอกาสการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยในไทยก็มองโอกาสลงทุนในกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ไบโอแมส รวมถึงการขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินบีแอลซีพี ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านบริษัทสนใจกลุ่มพลังงานน้ำ รวมถึงโรงไฟฟ้าหลักทั้งถ่านหิน ขณะที่ในจีน และญี่ปุ่นสนใจในกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานหลักอื่นๆ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ในปีนี้ ขณะนี้รอภาวะตลาดทุนดีขึ้นหลังจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติไฟลิ่งแล้ว โดยเม็ดเงินจากการขายหุ้น IPO นี้จะใช้ในการขยายกิจการธุรกิจไฟฟ้า
สำหรับการลงทุนในธุรกิจถ่านหินนั้น บริษัท และบริษัท PT Indo Tambangraya Megah Tbk (ITM) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย ยังคงมองหาโอกาสที่จะลงทุนซื้อกิจการเหมืองถ่านหินเพิ่มเติม หลังจากราคาถ่านหินอ่อนตัวลงมาหลายปีจากกำลังการผลิตที่ล้นตลาด
อีกทั้งเตรียมประเมินทางเลือกการลงทุนใหม่ๆ ที่จะช่วยต่อยอดจุดแข็งของบริษัท ด้วยนโยบายการดำเนินงานที่มุ่งเน้นเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายปริมาณการขายถ่านหินรวม 46.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 45.4 ล้านตันในปีที่แล้ว และคาดว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจะต่ำกว่าปีก่อนที่ 55.53 เหรียญสหรัฐ/ตันเล็กน้อย
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 59-63) ใช้เงินลงทุนประมาณ 554 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโรงไฟฟ้าหงสา การลงทุนในธุรกิจถ่านหิน 124 ล้านเหรียญสหรัฐ และลงทุนอื่นๆ ราว 30 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเงินลงทุนดังกล่าวไม่นับรวมการเข้าซื้อกิจการ
ทั้งนี้ การเพิ่มทุนบ้านปูเพื่อนำเงินมาลดหนี้ก่อนก็จะทำให้งบดุลแข็งแรง ปัจจุบันบริษัทมีภาระหนี้ราว 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะลดหนี้ลงได้ราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมาจากเงินเพิ่มทุนในปีนี้ราว 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินที่ได้จากการขายหุ้น IPO ของ BPP ราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทมีภาระคืนเงินกู้ราว 250-300 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี ขณะที่สร้างกระแสเงินสดได้ประมาณ 650-700 ล้านเหรียญสหรัฐ