“เด็มโก้” ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15% จากปีก่อน โดยมีงานในมือแล้ว 8 พันล้านบาท คาดรับรู้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5.4 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าประมูลงาน กฟผ. กฟภ. และกฟน. รวมทั้งโครงการในลาวเพิ่มเติม ยันปีนี้จะมีบันทึกค่าเสียโอกาสจากการเดินโรงไฟฟ้าห้วยบงเท่านั้น เพราะมีการบันทึกรายจ่ายการปรับปรุงฐานเสากังหันห้วยบงครบแล้วเมื่อปี 58
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) (DEMCO) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าเข้าประมูลงานภาครัฐและเอกชน ควบคู่กับการขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5.20 พันล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) 8 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 3.4 พันล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ ส่วนงานของวิศวกรรมไฟฟ้า 4.5 พันล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาทและที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปีถัดไป
โดยบริษัทฯ คาดว่าจะได้รับงานด้านสายส่งและสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่จะประกาศออกมา 6 หมื่นล้านบาทใน 5 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 1 หมื่นล้านบาทประมาณ 10% หรือคิดเป็น 1 พันล้านบาท และคาดว่าจะได้รับงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 20% ของานที่จะประมูลออกมาแต่ละปี 7 พันล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวง 2 พันล้านบาทคาดว่าจะชนะประมูลคิดเป็น 20% ของมูลค่าการประมูล รวมทั้งรับงานเสาโครงเหล็กเพิ่มขึ้นหลังจากค่ายมือถือมีนโยบายลงทุนโครงข่ายสัญญาณโทรคมนาคมในปีนี้รวมไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเข้าไปลงทุนพัฒนาระบบน้ำประปาในลาว คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2-3 นี้ และเตรียมพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำสูญเสียและระบบไฟฟ้าใต้ดินในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 ส่วนที่พม่าจะก่อสร้างสายส่งสถานีไฟฟ้า มูลค่า 200 ล้านบาทคาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้
ส่วนความคืบหน้าในการปรับปรุงเสากังหันลมโครงการห้วยบงว่า บริษัทฯ ได้ตั้งงบประมาณการซ่อมเอาไว้แล้ว 863 ล้านบาท โดยปีที่แล้วได้มีการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างฐานเสากังหันลมตามแผน ซึ่งคืบหน้าไปแล้ว 40%โดยจ่ายจริง 559 ล้านบาท ในเฟสแรกได้ปิดปรับปรุงไปแล้ว 40 ตัวที่จะแล้วเสร็จในเม.ย.นี้ และในเดือนปลาย พ.ค.นี้จะมีการปิดซ่อมปรับปรุงเสากังหันลมอีก 40-41 ตัวในเฟส 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งจะไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงเพิ่มเติมอีก แต่จะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายค่าเสียโอกาสการเดินโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า บริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด (WEH) มีแผนที่จะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมเพิ่มอีก 5 โครงการๆ ละ 90 เมกะวัตต์ ที่จะต้องจ่ายไฟเข้าระบบในปี 2560-2561 คาดว่าวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ฯ จะเร่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนมาใช้ในการลงทุน ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เองก็พร้อมที่จะเข้าไปประมูลสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือหุ้นใน WEH ประมาณ 4% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งเป็นมูลค่าสินทรัพย์ที่รอการประเมินราคาใหม่เมื่อ WEH เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท
ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะที่ลพบุรี และมหาสารคาม ขนาด 8 เมกะวัตต์นั้น พบว่าติดปัญหาสายส่ง คงต้องรอการปรับปรุงอีก 2-3 ปี ดังนั้นจะหันไปพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะที่ภาคใต้ตอนบนขนาด 6 เมกะวัตต์ ที่บริษัทฯ สนใจถือหุ้น 20-25% คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
“ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นโครงการเขาค้อ 60 เมกะวัตต์ ที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 นี้ โครงการวะตะแบก 60 เมกะวัตต์ จะแล้วเสร็จไตรมาส 3/59 และหาดกังหันจะเสร็จในไตรมาส 4/59 ไม่มีปัญหา เพราะนอกจากใช้ผู้ออกแบบรายใหม่ยังได้มีการประกันภัยงานออกแบบอีกโครงการละมากก่วา 5 ล้านยูโร