เด็มโก้ เดินหน้าปรับปรุงเสากังหันลมโครงการห้วยบง ตามแผน “พงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์” มั่นใจผลงานปี 59 รายได้โตไม่ต่ำกว่า 10-15% หลังตุนงานในมือ 7 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 60 ลุยประมูลงานภาครัฐ-เอกชนเพิ่ม ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เขาค้อ คาด COD ในไตรมาส 3/59 บุ๊กรายได้จากเงินปันผลเต็มๆ ปีหน้ากว่า 40 ล้านบาท ขณะที่โครงการพัฒนาระบบน้ำประปาในลาว คาดจ่ายน้ำได้ในไตรมาส 4 หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโตประมาณ 10-15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,207 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2560 ส่วนการแก้ไขฐานเสากังหันลมของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง รอการอนุมัติแบบส่วนที่เหลือ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่สามารถประมาณการหนี้สินที่จะเกิดขึ้นจากเงินชดเชยค่าเสียโอกาสในการขายไฟฟ้าระหว่างที่ยังไม่ได้ปรับปรุงฐานกังหัน เนื่องจากข้อจำกัดของปัจจัยต่างๆ ที่กระทบต่อการประเมินผลผลิตไฟฟ้า
“การปรับปรุงฐานเสากังหันลมโครงการห้วยบงนั้น นอกจากจะเป็นความรับผิดชอบของบริษัทในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว ยังจะเป็นการสนับสนุนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด (WEH) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการด้วย ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงถือหุ้นใน WEH จำนวน 4.2 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 4% ของทุนชำระแล้วก็เป็นมูลค่าสินทรัพย์ที่รอการประเมินราคาใหม่เมื่อ WEH จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทอาจจะขายหุ้น WEH บางส่วนหากต้องมีการใช้เงินลงทุน” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีงานอยู่ในมือ (Backlog) ประมาณ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าให้แก่พลังงานทดแทน 2,600 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด งานวิศวกรรมไฟฟ้า 4,300 ล้านบาท คาดจะรับรู้รายได้ปีนี้ทั้งปีไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรับรู้รายได้ในปี 2560
นอกจากนี้ ยังจะเข้าประมูลงานของสายส่ง และสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ราว 1 หมื่นล้านบาท ประมูลงานสายส่งไฟฟ้าใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่า 4.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยประมูลตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป และคาดว่าจะได้รับงานจาก กฟผ.ประมาณ 10% หรือประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท กฟน.ประมาณ 500 ล้านบาท รวมถึงจะประมูลงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อีก 7 พันล้านบาท คาดหวังว่าจะได้งาน 20% ยังไม่นับรวมงานเสาโครงเหล็กที่ได้รับงานเพิ่มขึ้น หลังจากที่การประมูล 4G จบลง ซึ่งค่ายมือถือมีนโยบายลงทุนในระบบโครงข่ายสัญญาณโทรคมนาคมในปีนี้รวมกันไม่น้อยกว่า 3-4 หมื่นล้านบาท
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เขาค้อ จะเริ่มขายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 3/59 และภายในปี 2560 คาดว่าจะได้รับเงินปันผลประมาณ 40 ล้านบาท
ขณะที่ในส่วนของการลงทุนโครงการพัฒนาระบบน้ำประปาในลาว คาดว่าจะสามารถจ่ายน้ำได้ประมาณปลายไตรมาส 3 ถึงต้นไตรมาส 4 ของปีนี้ และลาวยังเตรียมพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำสูญเสีย และระบบไฟฟ้าใต้ดินในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ด้วยเช่นกัน