ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ร่วมพัฒนาโครงการพลังงานลมเมาท์ เอเมอรัลด์ กำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ ในออสเตรเลีย มูลค่าโครงการ 9,500 ล้านบาท คาดเดินหน้าสร้างปีนี้ มั่นใจโรงไฟฟ้านี้เดินเครื่อจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่กลุ่มบริษัทฯ
นายรัมย์ เหราบัตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า RATCH ได้ร่วมพัฒนาโครงการพลังงานลมเมาท์ เอเมอรัลด์ (Mount Emerald) กำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ในประเทศออสเตรเลีย โครงการนี้ดำเนินการร่วมกันระหว่างบริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (RAC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ RATCH (ถือหุ้น 80%) และบริษัท Port Barjool Pty Ltd. โดยทั้ง 2 บริษัทฯ ถือหุ้นร่วมกันฝ่ายละ 50% เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยโครงการพลังงานลม เมาท์ เอเมอรัลด์ ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ Ergon Energy Queensland (EEQ) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าของรัฐควีนส์แลนด์ โดยอายุสัญญาเริ่มในเดือนกันยายน 2561 สิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2573 ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 9,500 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าโครงการตามสัดส่วนการลงทุนของบริษัทฯ ประมาณ 4,000 ล้านบาท จากการเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ Ergon Energy Queensland ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าที่มีความมั่นคงของรัฐควีนส์แลนด์
ดังนั้น จึงทำให้มั่นใจได้ว่า เมื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วโรงไฟฟ้าพลังงานลมเมาท์ เอเมอรัลด์ จะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ด้วย สำหรับการก่อสร้างจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 59 นี้ โดยจะติดตั้งกังหันลม 53 ตัว
โครงการเมาท์ เอเมอรัลด์ ถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดใหญ่ของรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในรัฐควีนส์แลนด์ เพิ่มขึ้นถึง 15 เท่า จากปัจจุบันที่มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมเพียงประมาณ 12 เมกะวัตต์ ซึ่งมาจากการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานลมวินดี้ ฮิลล์ ของบริษัท ราช-ออสเตรเลีย
“ความก้าวหน้าของโครงการเมาท์ เอเมอรัลด์ เป็นการดำเนินการตามแผนธุรกิจของบริษัทราช-ออสเตรเลีย ที่มุ่งเน้นการพัฒนา และลงทุนโครงการพลังงานทดแทน โดยเฉพาะพลังงานลมซึ่งมีโอกาส และศักยภาพการเติบโตตามทิศทางที่ชัดเจนของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อพลังงานทดแทน โครงการพลังงานลมแห่งนี้เป็นการลงทุนแห่งที่ 4 ของ ราช-ออสเตรเลีย ซึ่งทำให้กำลังผลิตจากพลังงานลมตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 72 เมกะวัตต์ เป็น 126 เมกะวัตต์ และยังส่งผลให้กำลังผลิตรวมของราช-ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นเป็น 581.52 เมกะวัตต์ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ความสำเร็จของโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายฐานธุรกิจระยะยาวของกลุ่มบริษัทฯ ในออสเตรเลียอย่างจริงจัง เพราะยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษา และพัฒนา ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถผลักดันให้ก้าวหน้า และบรรลุผลสำเร็จเช่นเดียวกับโครงการเมาท์ เอเมอรัลด์ ต่อไป” นายรัมย์ กล่าว
ปัจจุบัน ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น ลงทุนในโครงการพลังงานลม 3 แห่ง คือ โครงการวินดี้ ฮิลล์ ตั้งอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ กำลังผลิตตามการถือหุ้น 9.6 เมกะวัตต์ โครงการทูร่า ตั้งอยู่ในรัฐวิกตอเรีย กำลังผลิตตามการถือหุ้น 16.8 เมกะวัตต์ และโครงการสตาร์ฟิช ฮิลล์ ตั้งอยู่ในรัฐเซาท์ ออสเตรเลีย กำลังผลิตตามการถือหุ้น 27.6 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติอีก 3 แห่ง กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 455.52 เมกะวัตต์ ความสำเร็จของโครงการเมาท์ เอเมอรัลด์ ครั้งนี้ส่งผลให้กำลังผลิตรวมของบริษัทฯ เติบโตเป็น 6,879 เมกะวัตต์
นายรัมย์ เหราบัตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า RATCH ได้ร่วมพัฒนาโครงการพลังงานลมเมาท์ เอเมอรัลด์ (Mount Emerald) กำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ในประเทศออสเตรเลีย โครงการนี้ดำเนินการร่วมกันระหว่างบริษัท ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (RAC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ RATCH (ถือหุ้น 80%) และบริษัท Port Barjool Pty Ltd. โดยทั้ง 2 บริษัทฯ ถือหุ้นร่วมกันฝ่ายละ 50% เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยโครงการพลังงานลม เมาท์ เอเมอรัลด์ ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ Ergon Energy Queensland (EEQ) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าของรัฐควีนส์แลนด์ โดยอายุสัญญาเริ่มในเดือนกันยายน 2561 สิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2573 ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 9,500 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าโครงการตามสัดส่วนการลงทุนของบริษัทฯ ประมาณ 4,000 ล้านบาท จากการเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ Ergon Energy Queensland ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าที่มีความมั่นคงของรัฐควีนส์แลนด์
ดังนั้น จึงทำให้มั่นใจได้ว่า เมื่อเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วโรงไฟฟ้าพลังงานลมเมาท์ เอเมอรัลด์ จะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ด้วย สำหรับการก่อสร้างจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 59 นี้ โดยจะติดตั้งกังหันลม 53 ตัว
โครงการเมาท์ เอเมอรัลด์ ถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดใหญ่ของรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งส่งผลให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในรัฐควีนส์แลนด์ เพิ่มขึ้นถึง 15 เท่า จากปัจจุบันที่มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมเพียงประมาณ 12 เมกะวัตต์ ซึ่งมาจากการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานลมวินดี้ ฮิลล์ ของบริษัท ราช-ออสเตรเลีย
“ความก้าวหน้าของโครงการเมาท์ เอเมอรัลด์ เป็นการดำเนินการตามแผนธุรกิจของบริษัทราช-ออสเตรเลีย ที่มุ่งเน้นการพัฒนา และลงทุนโครงการพลังงานทดแทน โดยเฉพาะพลังงานลมซึ่งมีโอกาส และศักยภาพการเติบโตตามทิศทางที่ชัดเจนของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อพลังงานทดแทน โครงการพลังงานลมแห่งนี้เป็นการลงทุนแห่งที่ 4 ของ ราช-ออสเตรเลีย ซึ่งทำให้กำลังผลิตจากพลังงานลมตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 72 เมกะวัตต์ เป็น 126 เมกะวัตต์ และยังส่งผลให้กำลังผลิตรวมของราช-ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นเป็น 581.52 เมกะวัตต์ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ความสำเร็จของโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายฐานธุรกิจระยะยาวของกลุ่มบริษัทฯ ในออสเตรเลียอย่างจริงจัง เพราะยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษา และพัฒนา ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะสามารถผลักดันให้ก้าวหน้า และบรรลุผลสำเร็จเช่นเดียวกับโครงการเมาท์ เอเมอรัลด์ ต่อไป” นายรัมย์ กล่าว
ปัจจุบัน ราช-ออสเตรเลีย คอร์ปอเรชั่น ลงทุนในโครงการพลังงานลม 3 แห่ง คือ โครงการวินดี้ ฮิลล์ ตั้งอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ กำลังผลิตตามการถือหุ้น 9.6 เมกะวัตต์ โครงการทูร่า ตั้งอยู่ในรัฐวิกตอเรีย กำลังผลิตตามการถือหุ้น 16.8 เมกะวัตต์ และโครงการสตาร์ฟิช ฮิลล์ ตั้งอยู่ในรัฐเซาท์ ออสเตรเลีย กำลังผลิตตามการถือหุ้น 27.6 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติอีก 3 แห่ง กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 455.52 เมกะวัตต์ ความสำเร็จของโครงการเมาท์ เอเมอรัลด์ ครั้งนี้ส่งผลให้กำลังผลิตรวมของบริษัทฯ เติบโตเป็น 6,879 เมกะวัตต์