บอร์ด กพท.ไฟเขียว ของบกลางปี 59 จำนวน 225 ล้าน ประเดิมกิจการ ก่อนเริ่มเก็บค่าต๋งจากแอร์ไลน์เป็นรายได้หลักคาด ปีละ 1,100 ล้าน เริ่มเก็บ ต.ค. 59 ขณะที่ “กพท.” เล็งแก้กฎหมายเพิ่มค่าธรรมเนียมออกใบอนุญาต เพื่อให้สอดคล้องต้นทุนจริง
นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับ กพท.วันที่ 14 มี.ค. ที่มีนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ได้มีมติอนุมัติในการเสนอของบประมาณกลางปี 2559 จำนวน 225.15 ล้านบาทให้ กทพ.สำหรับเป็นทุนประเดิมใช้ในกิจการ โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติต่อไป ซึ่งทุนประเดิมดังกล่าวจะเป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร (เงินเดือน, ค่าจ้าง) ค่าใช้จ่ายในการเตรียมสำนักงานใหม่ (เช่าสำนักงาน ถ.นราธิวาสราชนครินทร์ตัดกับกนนรัชดาภิเษก) ค่าใช้จ่ายระบบไอทีรองรับกิจกรรมของ กพท.
โดยทุนประเดิมดังกล่าวจะใช้ระหว่างเดือน มิ.ย.-ต.ค. 2559 หลังจากนั้นกพท.จะนำรายได้จากค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศที่เรียกเก็บจากสายการบิน ในอัตรา 15 บาท/คน/เที่ยว คาดว่าจะเริ่มจัดเก็บได้ในเดือน ต.ค. 2559 โดยจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) อนุมัติการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศ ตามพระราชกำหนดการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มาตรา 39 (2) ซึ่ง กพท.คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1,100 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม กพท.ได้เสนอของบประมาณประจำปี 2560 ประมาณ 700-800 ล้านบาท สำรองเผื่อนไว้กรณีที่ไม่สามารจัดเก็บค่าธรรมเนียมได้ตามแผน เพื่อไม่ให้กระทบต่องบทำการประจำปี โดยประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายปีละ 800 ล้านบาท
เล็งขึ้นค่าธรรมเนียมขอใบอนุญาตให้สอดคล้องต้นทุนจริง
นอกจากนี้ กพท.จะมีการพิจารณาในการปรับอัตราค่าธรรมเนียมในการขอใบอนุญาตต่างๆ ของสายการบิน เพื่อให้เป็นธรรมและสอดคล้องกับต้นทุนค่าใช้จ่ายในการตรวจสายการบินมากขึ้น เนื่องจากค่าจ้างผู้ตรวจสอบค่อนข้างสูง ปัจจุบัน ค่าใบอนุญาตที่จัดเก็บอยู่ในหลักพันบาทเท่านั้น และยังมีการไปตรวจที่ต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้น หากกำหนดให้ชัดเจน ทั้งค่าที่พัก ค่าเบี้ยเลี้ยง จะเป็นผลดีต่อระบบโดยรวม ซึ่งจะพิจารณารายละเอียดทั้งหมดก่อน เพราะต้องปรับแก้กฎหมาย เนื่องจากค่าธรรมเนียมและค่าใบอนุญาตกำหนดใน พ.ร.บ.การเดินอากาศ
