ผู้จัดการรายวัน 360 - “ไทยดริ้งค์” เปิดเกมรุกเออีซีเต็มตัว ผนึกเครือข่ายของไทยเบฟในต่างประเทศ ประเดิมปั้น “เอส” ในมาเลเซีย แค่ 6 เดือนแชร์ตลาดน้ำอัดลมแล้ว 4% เล็งโฟกัสต่อพม่า สานแผนสู่เป้าหมายรายได้ 5 หมื่นล้านบาทในอีก 5 ปี
นายวิเวก ชาห์บรา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ในครือไทยเบฟ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะรุกตลาดเออีซี หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเต็มที่ ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนอนแอลกอฮอลล์ทั้งหมดของเครือไทยเบฟ เข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศเออีซี เช่น เครื่องดื่มน้ำอัดลมเอส, โออิชิ, แมกโนเลีย, วันฮันเดรด พลัส และแรงเยอร์ เป็นต้น โดยร่วมมือกับบริษัทในเครือต่างประเทศ เช่น เอฟแอนด์เอ็น โดยมีเป้าหมายสร้างรายได้ของบริษัทในปี 2020 ให้ได้ 5 หมื่นล้านบาท จาก 2.5 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน
เบื้องต้นได้เริ่มรุกตลาดมาเลเซียแล้วด้วยการนำแครื่องดื่มน้ำอัดลม “เอส” เข้าไปทำตลาดผ่านเครือข่าย “เอฟแอนด์เอ็น” นาน 6 เดือนและมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 4% ในตลาดน้ำอัดลมที่มาเลเซียแล้ว ก่อนที่จะนำแบรนด์อื่นรุกตลาดต่อไป ส่วนประเทศถัดจากนี้จะเน้นไปที่พม่าซึ่งเป็นตลาดสำคัญและมีโอกาสการขยายตลาดอย่างมาก เนื่องจากเพิ่งเปิดประเทศทำให้ยังมีอัตราการบริโภคต่ำเพียง 10% จากจำนวนประชากร จึงมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก โดยจะใช้เครือข่ายสำนักงานของ “เอฟแอนด์เอ็น” ที่พม่าเป็นผู้ดำเนินการ นอกจากนั้นยังจะขยายตลาดในลาวและกัมพูชาโดยอาจเป็นการเข้าไปทำตลาดเอง
“ปีนี้ทีมงานต้องทำงานหนักเพราะปัญหาเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาภายในประเทศที่อาจจะกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคด้วย ไทยดริ้งค์ จึงได้วางแผนร่วมมือประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับบริษัทในกลุ่มด้วยกันทั้งในไทยและต่างประเทศเพื่อผลักดันยอดขายรวมตามเป้าหมาย โดยปัจจุบันรายได้ของ เอฟแอนด์เอ็น สิงคโปร์ มีประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน เอฟแอนด์เอ็น ที่มาเลเซียมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ ไทยดริ้งค์ ในไทยมีรายได้ประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท
นายวิเวก กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันเครื่องดื่ม “เอส” มีส่วนแบ่งตลาด 10% หลังจากทำตลาดในไทยมานาน 3 ปี หรือมีส่วนแบ่งประมาณ 5 พันล้านบาทจากมูลค่าตลาดรวมเครื่องดื่มน้ำอัดลมในไทยประมาณ 5 หมื่นล้านบาท หรือปริมาณ 1.9 พันล้านลิตร โดยเชื่อมั่นว่า “เอส” ยังมีโอกกาสเติบโตอีกมาก เพราะจากการสำรวจพบว่า มีผู้บริโภคที่ดื่ม “เอส” เป็นประจำเพิ่มจาก 35% ในไตรมาส3/58 เพิ่มเป็น 47% ในไตรมาส 4/58 โดยคาดว่าปี 2559 “เอส” จะมีการเติบโตมากกว่าตลาดรวมที่น่าจะทรงตัว
ทั้งนี้ เครื่องดื่ม “เอส” มีการการปรับกลยุทธ์ช่องทางต่างๆ แยกกันชัดเจน เพื่อรุกตลาดอย่างหนักเมื่อปี 2558 ด้วยการใช้โปรโมชั่นชิงโชครถเบนซ์ 30 คันซึ่งถือเป็นรางวัลใหญ่สุดของแคมเปญเครื่องดื่มน้ำอัดลม นอกจากนี้ยังมีการทำเทรดลอยัลตี้โปรแกรมกับร้านค้า การสร้างนวัตกรรมแตกต่างจากน้ำสีที่มีรสชาติหลัก แดง เขียว ส้ม ด้วยการเพิ่มรสใหม่คือ “เอส เพลย์” รสลิ้นจี่แพร์ โดยเฉพาะออริเกรปเบอร์รี่ ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยยอดขาย 2.5 แสนลังภายใน 2 เดือนและกลายเป็นตัวที่ขายดีที่สุดในพอร์ตโฟลิโอน้ำสี
ล่าสุด บริษัทฯ ใช้งบการตลาด 160 ล้านบาท จัดแคมเปญใหญ่ “เอส เชียร์สุดซี้ด ต้อง SEATติดขอบ” ลุ้นรางวัลตั๋วเข้าชมฟุตบอลชิงชนะเลิศมหกรรมฟุตบอลที่ทั่วโลกรอคอย พร้อมกับแบรนด์แอมบาสเดอร์ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” จำนวน 10 ที่นั่ง ณ ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังได้ลุ้นสมาร์ทโฟน “ซัมซุง แกเลคซี่ S 7” จำนวน 500 เครื่อง รวมมูลค่ารางวัล 20 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 พ.ค.59