“กรมทรัพย์สินทางปัญญา” เตรียมชงโรดแมปทรัพย์สินทางปัญญาเสนอ “บิ๊กตู่” พิจารณาเร็วๆ นี้ ตั้งเป้าลดการละเมิดในพื้นที่สีแดงลงกว่าครึ่งในปีหน้า และหมดไปในปี 64 เผยล่าสุดการละเมิดลดลงมากหลังทุกฝ่ายร่วมมือปราบปรามเข้ม
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการจัดทำโรดแมปปฏิรูปทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน คือ การส่งเสริมให้คนไทยสร้างทรัพย์สินทางปัญญาของตนเองให้มากขึ้น การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การปราบปรามการละเมิด และการสร้างจิตสำนึกไม่ใช้สินค้าละเมิด โดยกำหนดแผนการดำเนินงานทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว คาดจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ และนำเสนอให้นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ พิจารณาเห็นชอบก่อนเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับแผนในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายปราบปรามพื้นที่สีแดงทั่วประเทศ ที่มีการขายสินค้าละเมิดจำนวนมาก เช่น มาบุญครอง พันธุ์ทิพย์ พัฒนพงศ์ ถนนสีลม ถนนสุขุมวิท บ้านหม้อ คลองถม เชียงใหม่ ภูเก็ต ตลาดโรงเกลือ เป็นต้น ให้ลดลงครึ่งหนึ่ง ส่วนในปี 2564 ตั้งเป้าหมายให้การละเมิดในพื้นที่เหล่านี้หมดไปให้ได้ แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นเดียวกับการปราบปรามที่ตลาดโรงเกลือเมื่อเร็วๆ นี้ รวมถึงต้องเน้นทลายแหล่งผลิต และแหล่งค้ารายใหญ่ให้มากขึ้น
“ทุกวันนี้การละเมิดในพื้นที่สีแดงเริ่มลดลง โดยเฉพาะห้างพันธุ์ทิพย์ ที่ผู้บริหารห้างไม่ต่อสัญญาให้กับผู้ค้าที่ขายสินค้าละเมิด แต่ยังเหลืออีกราว 10 กว่าร้าน ที่ยังขายซอฟต์แวร์เถื่อน อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือปลอม ซึ่งจะร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าของสิทธิปราบปรามให้หมดไป ส่วนที่ห้างมาบุญครอง การละเมิดก็ลดลงมากเช่นกัน โดยวันที่ 19 มี.ค.นี้ กรมฯ จะคุยกับผู้ค้าที่ห้างมาบุญครองประมาณ 100 ราย เพื่อสร้างความเข้าใจไม่ให้ขายของเถื่อนอีกครั้ง”
นางนันทวัลย์กล่าวว่า การละเมิดในพื้นที่สีแดงที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ตลาดโรงเกลือ แหล่งรับสินค้าปลอมมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แล้วนำมากระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ของไทย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยกรมศุลกากร ได้ตรวจสอบการลักลอบนำเข้าสินค้าละเมิดอย่างเข้มงวด และในปี 2558 ยึดของกลางได้ 2.2 ล้านชิ้น ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยึดแว่นตาปลอมได้กว่า 800,000 ชิ้น
นอกจากนี้ยังได้มีการขยายผลหลังจากจับกุมได้ โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ดำเนินการยึดทรัพย์ผู้ค้าสินค้าละเมิด ขณะที่กรมฯ ได้เพิ่มการรณรงค์ปลุกจิตสำนึกให้คนไทย ไม่ซื้อ ไม่ใช้ของปลอม ซึ่งทำให้การใช้สินค้าละเมิดลดน้อยลง และจะส่งผลดีต่อภาพพจน์ของประเทศไทยในสายตาต่างชาติ ที่จะมีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนมากขึ้น