“พาณิชย์” ดึงโรงสีซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา รองรับแผนการผลิตข้าวครบวงจรที่ทราบจำนวนผลผลิตข้าวล่วงหน้า เล็งใช้สัญญามาตรฐานผูกมัด ด้านโรงสีขอรัฐเพิ่มขีดความสามารถเป็นผู้ส่งออกข้าว
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับสมาคมโรงสีข้าวไทย เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการประชารัฐที่จะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยเบื้องต้นได้เสนอให้โรงสีทำแผนมาเสนอที่จะเข้าไปรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรล่วงหน้าได้อย่างไร เพราะขณะนี้ภาครัฐมีแผนในการผลิตข้าวครบวงจรแล้ว ทำให้ทราบว่าผลผลิตข้าวฤดูกาล 2559/690 จะมีปริมาณเท่าไร โดยทางสมาคมฯ ได้ตอบรับแล้ว แต่ขอกลับไปทำแผนก่อนว่าโรงสีจะสามารถเข้าไปช่วยรับซื้อข้าวจากเกษตรกรได้ตรงพื้นที่ใดบ้าง และนำมาเสนอกระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 17 มี.ค. 2559
ทั้งนี้ ปัญหาในปัจจุบันอยู่ที่โรงสีมีอยู่เป็นจำนวนมาก มีกำลังการผลิตเกินกว่าผลผลิตข้าวถึง 3 เท่า แต่กลับไม่กระจายตัว จะเห็นว่าโรงสีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนน้อยกว่าโรงสีในภาคกลาง เพราะพื้นที่ปลูกข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือปลูกข้าวได้ปีละครั้ง เมื่อผลผลิตข้าวออกมาพร้อมกัน โรงสีในพื้นที่ก็ไม่เพียงพอที่จะเข้าไปซื้อข้าวจากชาวนา ซึ่งการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาต้องให้โรงสีพื้นที่อื่นเข้ามารับซื้อ
อย่างไรก็ตาม ในการรับซื้ออาจจะใช้รูปแบบการทำสัญญามาตรฐานระหว่างโรงสีกับเกษตรกร รวมทั้งจะเข้าไปตรวจสอบเครื่องชั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการโกงน้ำหนักข้าวกับเกษตรกรที่นำข้าวเปลือกไปขาย แต่หากรูปแบบการให้โรงสีเข้าไปรับซื้อข้าวจากเกษตรกรยังไม่เพียงพอ ก็อาจจะมีการเชื่อมโยงด้วยการจัดตลาดกลางซื้อขายข้าวเข้าไปช่วยเหลือเพิ่มเติม
น.ส.ชุติมากล่าวว่า ในการหารือกับสมาคมโรงสีข้าวไทย ผู้ประกอบการยังได้ขอให้ภาครัฐช่วยเหลือในการผลักดันให้โรงสีสามารถเป็นผู้ส่งออกข้าวได้ด้วย ซึ่งได้ยืนยันไปแล้วว่ากระทรวงฯ ไม่ได้จำกัดหลักเกณฑ์ขอผลักดันให้โรงสีทำธุรกิจเป็นผู้ส่งออกข้าว เพียงแต่ต้องขอใบอนุญาตประกอบการค้าข้าวเพื่อส่งออกก่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เพียงแต่หากโรงสีที่เป็นผู้ส่งออกข้าวแล้วเข้าไปเป็นสมาชิกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ก็จะได้รับทราบข้อมูลของการส่งออกข้าวหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ครอบคลุมกว่า แต่กระทรวงฯ ยืนยันว่าให้ความเท่าเทียมทั้งโรงสีและผู้ส่งออกข้าวที่จะร่วมกิจกรรมในการไปเปิดตลาดข้าวกับภาครัฐมาตรฐานเดียวกัน