นายแพทย์ สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด(มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2558 ว่า บริษัทมีผลประกอบการที่โดดเด่นและเป็นการทำสถิติผลประกอบการเติบโตสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,792.03 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,385.27 ล้านบาท จำนวน 406.76 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.36% และมีกำไรสุทธิ 402.49 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 301.16 ล้านบาท จำนวน 101.33 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 33.65%
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2558 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 574.01 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 426.68 ล้านบาท จำนวน 147.33 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 34.53% และมีกำไรสุทธิ 130.97 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 104.74 ล้านบาท จำนวน 26.23 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.05%
ทั้งนี้ ผลประกอบการของ BEAUTY เติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างๆ ขยายความนิยมมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศและลูกค้าชาวต่างชาติ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม โดยมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same Store Sale Growth) เพิ่มขึ้นถึง 16.87% อีกทั้งมีการขยายสาขาครอบคลุมกลุ่มลูกค้ากว่า 342 สาขาทั้งในและต่างประเทศ มีการขยายช่องทางการจำหน่ายอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น Modern Trade ร้านสะดวกซื้อ และออนไลน์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
นพ.สุวินกล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.13% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย จากนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% หรือคิดเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.083 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 249 ล้านบาท จากที่ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.05 บาท/หุ้น คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 150 ล้านบาท ส่งผลทำให้ในปี 2558 บริษัทจ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 0.133 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจำนวนเงิน 399 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 3 พ.ค. 59 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พ.ค. 59 (เข้าขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 25 เมษายน 2559 )
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ESOP ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ชนิดระบุชื่อผู้ถือและไม่สามารถโอนเปลี่ยนมือได้เว้นแต่เป็นการโอนทางมรดก อายุ 5 ปี นับแต่วันที่ออก จำนวน 22,610,000 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า แก่กรรมการที่เป็นผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ
โดยมีจำนวนหุ้นสามัญที่ออกเพื่อรองรับการใช้สิทธิ 22,610,000 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท) คิดเป็นร้อยละ 0.75 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท จำนวน 3,000,000,000 หุ้น อัตราการใช้สิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ-ESOP 1 หน่วย/หุ้นสามัญ 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิที่จะซื้อหุ้น 5.00 บาท/หุ้น ระยะเวลาและสัดส่วนการใช้สิทธิ ปีละ 2 ครั้งในวันที่ 16 ของเดือนมกราคม และกรกฎาคมของแต่ละปี โดยปีที่ 1 ใช้สิทธิได้ไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนที่ได้รับจัดสรร ปีที่ 2 ใช้สิทธิได้ไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนที่ได้รับจัดสรร ปีที่ 3 ใช้สิทธิได้ไม่เกินร้อยละ 55 ของจำนวนที่ได้รับจัดสรร ปีที่ 4 ใช้สิทธิได้ไม่เกินร้อยละ 75 ของจำนวนที่ได้รับจัดสรร ปีที่ 5 ใช้สิทธิได้ไม่เกินร้อยละ 100 ของจำนวนที่ได้รับจัดสรร โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติต่อไป