xs
xsm
sm
md
lg

BEAUTY ปลื้ม Q1 รายได้-กำไรพุ่งกว่า 45%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY)
BEAUTY โชว์ฟอร์มเยี่ยม เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2558 รายได้-กำไรอู้ฟู่ กวาดรายได้ 364.47 ล้านบาท เติบโตกว่า 30.47% กำไรแจ่ม 76 ล้านบาท เติบโต 45.41% เป็นผลจากการเติบโตของสาขาเดิมและสาขาใหม่ อีกทั้งได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เข้าประเทศเพียบ ดันยอดสาขาเดิมและสาขาใหม่พุ่งพรวด ประกาศดีเดย์วันที่ 14 พ.ค. 58 จ่อแตกพาร์จาก 1.00 บาท เป็น 0.10 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องหุ้น

นายแพทย์ สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว “BEAUTY” เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2558 ว่า บริษัทมีผลประกอบการที่โดดเด่นทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 364.47 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 279.36 ล้านบาท จำนวน 85.11 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.47% และมีกำไรสุทธิ 76.00 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 52.27 ล้านบาท จำนวน 23.74 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 45.41% และมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมที่มีอยู่ (Same Store Sale Growth) เป็นบวกถึง 17%

ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลประกอบการของ BEAUTY เติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ BEAUTY BUFFET, BEAUTY COTTAGE และ BEAUTY MARKET ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ เช่น จีน ฮ่องกง และตะวันออกกลางที่เริ่มกลับมาในประเทศเพื่อซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยสาขาในเมืองท่องเที่ยวของบริษัทมียอดขายเติบโตทุกสาขา ส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ขณะที่กลุ่มลูกค้าคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มไฮเอนด์ได้เริ่มหันมาใช้สินค้าของบริษัททดแทนสินค้าแบรนด์เนมในบางรายการ ส่งผลให้บริษัทสามารถทำผลการดำเนินงานได้ดี สวนกระแสเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว

บริษัทยังมีการเติบโตจากการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากถึง 306 สาขาในปัจจุบัน และตามแผนงานที่บริษัทได้วางไว้ว่าปีนี้จะเพิ่มจำนวนสาขา BEAUTY BUFFET 30 สาขา, BEAUTY COTTAGE 15 สาขา, BEAUTY MARKET 10 สาขา และเพิ่มสาขาในตลาดต่างประเทศอีก 12 สาขา จากปัจจุบัน 22 สาขา กระจายอยู่ในเวียดนาม 12 สาขา กัมพูชา 6 สาขา ลาว 2 สาขา และพม่า 2 สาขา โดยการขยายสาขาต่างประเทศจะเป็นลักษณะตัวแทนจำหน่าย สำหรับเป้าหมายในปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีที่ผ่านมาที่ทำรายได้กว่า 1,385 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม 2558 บริษัทเตรียมจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงจำนวนและมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) ของบริษัทจากเดิมราคาพาร์ 1 บาทต่อหุ้น เป็นราคาพาร์ 0.10 บาทต่อหุ้น หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2558 มีมติอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งจะส่งผลให้จำนวนหุ้นสามัญเพิ่มขึ้นจากเดิม 300 ล้านหุ้น เป็นจำนวน 3,000 ล้านหุ้น จึงถือเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่หุ้น

“การเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จาก 1 บาท เป็น 0.10 บาท เนื่องจากบริษัทต้องการให้หุ้นมีสภาพคล่องสูงขึ้นจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นและราคาหุ้นที่ลดลง เพื่อดึงดูดนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทและช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายโดยไม่มีผลกระทบในแง่ Price Dilution และ Control Dilution รวมถึงไม่ทำให้มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นเปลี่ยนไป” นายแพทย์ สุวินกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น