“บิวตี้ คอมมูนิตี้” ตั้งเป้ารายได้ปี 2558 กว่า1,700 ล้านบาท พร้อมขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 55 แห่ง รวมกว่า 334 สาขาทั่วประเทศ เหตุเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองคลี่คลายเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ หรือ BEAUTY กล่าวว่า ภาพรวมของผลประกอบการทั้งปีในปี 2557 บริษัทฯ คาดการว่าจะมียอดขายทะลุเป้าที่้ตั้งไว้ที่ 1,303 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองคลี่คลายเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ มีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวยังประเทศไทยกลับคืนมาเหมือนเดิม ส่งผลให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อีกทั้งในช่วงปลายปีที่เป็นช่วงเทศกาลซึ่งยอดการจำหน่ายสินค้าปริมาณมากกว่าทุกช่วงปี
“ตลาดที่เป็นนักท่องเที่ยวดีขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากความขัดแย้งทางการเมืองสงบลง มีนักท่องเที่ยวเข้ามา มีปริมาณการขายที่เพิ่มมากขึ้น และในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ได้แก่ ประเทศเวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา ในปีที่ผ่านมา ที่เปิดสาขาในต่างประเทศไปแล้ว 16 สาขา และตั้งเป้าจะเปิดสาขาใหม่ให้ได้อีกอย่างน้อย 12-15 สาขาในปีนี้”
ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 1,700 ล้านบาท เติบโตจากในปีที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งเป็นไปตามนโยบายบริษัทที่ตั้งเป้าการเจริญเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% ต่อเนื่องในทุกๆ ปี ขณะที่จะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ให้น้อยกว่า 20% เช่นกัน
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนการลงทุนในการขยายสาขาใหม่ของทั้ง 3 แบรนด์ คือ BEAUTY BUFFET จำนวน 30 สาขา BEAUTY COTTAGE จำนวน 15 สาขา และ BEAUTY MARKET จำนวน 10 สาขา โดยใช้เงินในการขยายสาขาประมาณ 140 ล้านบาท ขณะที่อีก 180 ล้านบาท จะใช้เพื่อการก่อสร้างคลังสินค้า และศูนย์ฝึกอบรมการขายและระบบบริหารจัดการร้านค้าแบบใหม่
อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 บริษัทฯ วางแผนขยายสาขาภายในประเทศของร้าน BEAUTY BUFFET เปิดสาขาใหม่ 30 สาขารวมปัจจุบันอีก 204 สาขา เป็น 234 สาขา BEAUTY COTTAGE เปิดเพิ่มอีก 15 สาขา จากปัจจุบัน 65 สาขา รวมเป็น 80 สาขา และ BEAUTY MARKET เปิดเพิ่มอีก 10 สาขา จากปัจจุบัน 10 สาขา เป็น 20 สาขา โดยคาดว่าสิ้นปี 2557 สาขาในประเทศของบริษัทจะมีทั้งสิ้น 334 สาขา
ทั้งนี้ ในส่วนของช่องทางการจำหน่ายผ่านทางระบบ E-commerce ซึ่งเชื่อมโยงระหว่าง Facebook และ Website ของบริษัทเองโดยขณะนี้อยู่ในช่วงของการพัฒนา คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่ 1 โดยที่ผ่านมา การขายออนไลน์แม้มีไม่ถึง 1% หรือประมาณ 5 ล้านบาท แต่คาดวว่าเมื่อปรับปรุงระบบแล้วยอดขายสินค้าจะมีเพิ่มมากขึ้น จากเทรนด์การชอปปิ้งออนไลน์ โดยคาดว่าจะสามารถทำรายได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 4.8%-5%
