“พาณิชย์” ทำแผนรับมือสินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งมันสำปะหลัง หอม กระเทียม ผลไม้ ป้องกันราคาตกต่ำ

“พาณิชย์” โชว์แผนรับมือสินค้าเกษตรสำคัญ ทั้งมันสำปะหลัง หอมแดง กระเทียม และผลไม้ มั่นใจช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดจะไม่มีปัญหาด้านราคาตกต่ำ

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้ติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญตามฤดูกาล โดยได้มอบหมายให้นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการจัดทำแผนงานและจัดเตรียมมาตรการในการรับมือกับผลผลิตที่กำลังจะออกสู่ตลาดร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำจนกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร

ทั้งนี้ ในส่วนของมันสำปะหลัง ขณะนี้ผลผลิตปี 2558/59 กำลังออกสู่ตลาด คาดว่าจะมีปริมาณ 31.81 ล้านตัน และแนวโน้มราคาอ่อนตัวลง ซึ่งรัฐบาลได้เข้าไปช่วยเหลือโดยใช้มาตรการชะลอการเก็บเกี่ยวเพื่อให้เกษตรกรทยอยขุดหัวมันจำหน่าย ขณะที่กระทรวงฯ ได้เร่งผลักดันการส่งออกมันเส้นไปยังจีน และได้กวดขันเรื่องการลักลอบการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับกลุ่มสินค้าพืชหัว คาดว่า หอมแดง จะมีผลผลิตจำนวน 99,562 ตัน หอมหัวใหญ่ จำนวน 44,598 ตัน และกระเทียม จำนวน 73,638 ตัน โดยขณะนี้หอมแดงหัวกลางมัดจุกแห้ง 7-15 วัน ราคา 20 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) หัวใหญ่มัดจุกราคา 28.60 บาทต่อ กก. หอมหัวใหญ่ เบอร์ 1 ตัดจุก ราคาอยู่ที่ 14.58 บาทต่อ กก. กระเทียมสดคละ ราคา 35 บาทต่อ กก. ซึ่งในช่วงที่ผลผลิตออกมากจะมีการเข้มงวดในการตรวจสอบการลักลอบนำเข้าและการสำแดงราคาให้ตรงตามข้อเท็จจริง

ส่วนกลุ่มสินค้าผลไม้ ได้คาดการณ์ผลผลิตปี 2559 โดยทุเรียนจะมีผลผลิตจำนวน 651,568 ตัน มังคุด 280,757 ตัน และเงาะ 326,260 ตัน โดยผลผลิตจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือน เม.ย. 2559 เป็นต้นไป ซึ่งกระทรวงฯ ได้เตรียมพร้อมในการบริหารจัดการ โดยได้ทำการเชื่อมโยงตลาดผลักดันผลผลิตไปสู่ตลาดปลายทางในจังหวัดต่างๆ และขายผ่าน Farm Outlet ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าส่งค้าปลีก รวมทั้งการระบายผลผลิตออกสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งการไปจัดแสดงและจำหน่ายผลไม้ไทย การนำคณะผู้ซื้อเข้ามาซื้อสินค้าไทย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ยังได้มีการติดตามสินค้าเกษตรที่ราคามีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น เช่น พริก และสุกร โดยได้ขอให้มีการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อการแก้ปัญหาได้ทันสถานการณ์หากมีปัญหาเกิดขึ้น และขอให้ติดตามสถานการณ์การผลิต และสถานการณ์การตลาด ทั้งในและต่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรสำคัญ เพื่อสามารถรักษาเสถียรภาพของราคาไม่ให้เกิดความผันผวนมากจนเกิดความเดือดร้อนต่อเกษตรกรภายในประเทศด้วย