“พาณิชย์” เตรียมขนทัพธุรกิจ 40 ราย ลงพื้นที่ดูเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว หวังปูทางเพิ่มการค้าและการลงทุน เผยมีทั้งกลุ่มอาหาร ยานยนต์ เครื่องสำอาง และพืชไร่ พร้อมจัดงาน Open house 29 ก.พ.นี้ โชว์ศักยภาพไทยพร้อมเป็นฮับด้านการลงทุนในภูมิภาค
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักธุรกิจไทยที่พร้อมลงพื้นที่จังหวัดสระแก้วจำนวน 40 ราย จากกลุ่มธุรกิจอาหารสด ผลิตภัณฑ์สมุนไพรแปรรูป อสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง ผู้ส่งออกข้าว ผู้นำเข้าและส่งออกรถยนต์ รับซื้อพืชไร่และส่งออกมันเส้น เครื่องสำอาง ผลิตและจำหน่ายอาหารสดและแช่แข็ง คลังสินค้า อุตสาหกรรมเหล็ก ส่วนประกอบรถยนต์ บริการขนส่ง จำหน่ายของในสปาและโรงแรม ธุรกิจบริการและบริหารงานโรงพยาบาล ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน และนักธุรกิจกัมพูชา ร่วมเดินทางเยี่ยมชมพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว ระหว่างวันที่ 1-2 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่ดำเนินการในระยะที่ 1
ทั้งนี้ ในโอกาสที่เดินทางลงพื้นที่จะมีการเปิดเจรจาการค้าและการลงทุนระหว่างนักธุรกิจไทยและกัมพูชา รวมถึงการเจรจาเพื่อปูทางสู่การสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนในพื้นที่ชายแดนด้วย
โดยในปี 2559 กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายมูลค่าการค้าชายแดนจะไม่ต่ำกว่าปี 2558 ซึ่งมีมูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท โดยการค้าชายแดนในส่วนที่ติดกับประเทศกัมพูชา ปี 2558 มีมูลค่า รวม 124,312 ล้านบาท ขยายตัว 8.6% เป็นการส่งออก 104,503 ล้านบาท ขยายตัว 8.04% นำเข้า 19,809 ล้านบาท ขยายตัว 11.67% ส่วนมูลค่าการค้า ม.ค. 2559 ที่ผ่านมา 11,324 ล้านบาท ลดลง 4.11% ส่งออก 8,764 ล้านบาท ลดลง 0.09% นำเข้า 2,559 ล้านบาท ลดลง 15.70%
นางดวงพรกล่าวว่า ในวันที่ 29 ก.พ.นี้ กรมฯ จะมีการจัดงาน Open house ซึ่งเป็นการประกาศความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคและเชื่อมโยงไปสู่ทั่วโลกอย่างเป็นทางการ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่ต้องการมาลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในประเทศไทย ซึ่งกรมฯ มั่นใจว่าจะช่วยดูดนักลงทุนจากทั่วโลกมาลงทุนในไทยได้เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแผนการขับเคลื่อนการค้าระหว่างประเทศของไทยที่กำลังเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์การค้าโลกชะลอตัว ด้วยการขยายการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะตลาดอินโดจีน หรือ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม)
โดยกระทรวงพาณิชย์จะให้ความสำคัญกับการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการขยายโอกาสทางการค้าและใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของไทยซึ่งมีที่ตั้งเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งความเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก
“การสร้างแรงกระตุ้นเพื่อการรับรู้ต่อนักลงทุนและผู้แทนต่างประเทศในไทยให้ทราบถึงความคืบหน้าโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ จะช่วยทำให้นักลงทุนต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนไทย สามารถกำหนดแผนสำหรับการเข้าไปลงทุนในพื้นที่ หรือการวางแผนทางการค้า เพราะจากนโยบายดังกล่าวจะช่วยให้การค้าระหว่างไทยและเพื่อนบ้านมีความคึกคักและเป็นเพิ่มโอกาสทางการค้าอีกช่องทางหนึ่ง” นางดวงพรกล่าว