“พาณิชย์” เผย นบข.ไฟเขียวขายข้าวสารสต๊อกรัฐให้ผู้ชนะประมูลแค่ 3.6 แสนตัน จากเปิดประมูล 5.7 แสนตัน พร้อมตั้งเป้าเปิดประมูลเดือนละ 1-2 ครั้ง ในช่วง มี.ค.-ก.ค. ก่อนข้าวใหม่ออก ส่วน มี.ค.นี้คาดประมูลได้ก่อน 4-5 แสนตัน เตรียมบินถกจีนเดือนหน้า เจรจาราคา เงื่อนไขส่งมอบข้าวล็อตใหม่ 1 แสนตัน จากสัญญา 1 ล้านตัน
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา นบข.ได้อนุมัติการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้แก่ภาคเอกชนที่ชนะการประมูลซื้อ รวม 362,864 ตัน จากที่เปิดประมูลเมื่อวันที่ 16-17 ก.พ. 2559 ทั้งสิ้น 570,000 ตัน โดยในจำนวนที่อนุมัติขาย แบ่งเป็นขายทั่วไป 141,489 ตัน และขายเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม 221,375 ตัน ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์ เส้นก๋วยเตี๋ยว ที่เสนอราคาดีสุดที่กิโลกรัม (กก.) ละประมาณ 6-7 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท
ส่วนการเปิดประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลครั้งต่อไป คาดว่ากรมการค้าต่างประเทศน่าจะออกประกาศเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) ได้ในราวกลางเดือน มี.ค. และน่าจะเริ่มประมูลได้ช่วงปลายเดือน มี.ค. ส่วนปริมาณน่าที่เปิดประมูลอาจจะประมาณ 400,000-500,000 ตัน และภายในปีนี้ตั้งใจจะระบายให้ได้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านตัน แต่ถ้าจังหวะดีก็น่าจะได้มากกว่านั้น
ทั้งนี้ ได้กำหนดแผนในการระบายเดือนละ 1-2 ครั้ง ในช่วงเดือน มี.ค.-ก.ค. 2559 ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวหมดแล้ว และการระบายในช่วงดังกล่าว จะไม่กระทบกับราคาภายในประเทศ โดยข้าวนาปรังฤดูกาลใหม่จะเริ่มออกตั้งแต่เดือนส.ค. เป็นต้นไป ส่วนข้าวนาปี จะออกตั้งแต่เดือน พ.ย. 2559 - ก.พ. 2560
”การประมูลข้าวของรัฐบาลตั้งใจจะให้มีทั้งเพื่อขายในประเทศ ขายเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม และขายเพื่อส่งออก ซึ่งขายเพื่อส่งออก ก็อยากเปิดกว้างให้ผู้ซื้อจากต่างประเทศเข้ามาเสนอซื้อด้วยซ้ำ (international bid) ไม่ใช่เปิดให้เฉพาะผู้ส่งออกไทยมาเสนอราคาเท่านั้น แต่ต้องศึกษารายละเอียดก่อน และต้องดูกำลังเจ้าหน้าที่ด้วยว่าจะทำไหวหรือไม่ เพราะ international bid มีหลายขั้นตอน และมีเอกสารมากที่ต้องตรวจสอบ” น.ส.ชุติมากล่าว
สำหรับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในส่วนของสัญญาข้าวกับรัฐบาลจีน 1 ล้านตันแรก จากที่ได้ลงนามในบันทึกความตกลง (เอ็มโอยู) ที่จะซื้อข้าวจากไทย 2 ล้านตันนั้น ในราวเดือน มี.ค.นี้ กรมการค้าต่างประเทศ จะเดินทางไปเจรจาราคา และเงื่อนไขการส่งมอบสำหรับล็อตแรก 100,000 ตัน และยังมีรัฐบาลอีกหลายประเทศสนใจซื้อข้าวจากไทย เพื่อสำรองไว้หากผลผลิตในประเทศขาดแคลน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อิหร่าน เป็นต้น
น.ส.ชุติมากล่าวต่อถึงความคืบหน้าการจัดทำข้าวสารบรรจุถุง โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อแจกจ่ายไปยังเกษตรกรชาวสวนยางพาราทั่วประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากราคายางพาราตกต่ำว่า คาดว่า ในอีก 2 สัปดาห์ อคส.จะเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขจากที่ ครม.มีมติไปแล้ว โดยจะขอเปลี่ยนขนาดบรรจุที่จะมอบให้เกษตรกร จากเดิมถุงละ 5 กิโลกรัม (กก.) ครอบครัวละ 5 ถุง เป็นถุงเดียว 25 กก. เพราะต้นทุนต่ำกว่า และขอขยายระยะเวลาการแจกจ่ายออกไปจากเดิมที่กำหนดในเดือน มี.ค.นี้