“ทุ่งคาฮาเบอร์” เร่งคืนหนี้เจ้าหนี้ภายในปีนี้ หลังมูลหนี้ลดลงเหลือ 420 ล้านบาท หวังกลับมาเทรดหุ้นใหม่ปี 59 ตั้งเป้ารายได้ปีนี้สูงกว่า 500 ล้านบาทมาจากเหมืองหิน และอสังหาริมทรัพย์ แย้มเตรียมรุกธุรกิจใหม่ทั้งเหมืองแร่ดีบุก-พลวงในพม่า และเหมืองถ่านหินในลาว รวมทั้งพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ ใช้เงินลงทุนธุรกิจใหม่ 100 ล้านบาท
นายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) (THL) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดมีรายได้โตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 500 ล้านบาท มาจากธุรกิจเหมืองหิน 65% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 35% ส่วนธุรกิจเหมืองทองคำ จ.เลย ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอใบอาชาญาบัตรเพื่อทำการสำรวจแร่ทองคำ 2 แปลงใหม่ และขอต่ออายุประทานบัตรในเหมืองแร่ทองคำเดิมที่ จ. เลย จากกระทรวงอุตสาหกรรม คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2-3 เดือนนี้
ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจเหมืองหินเพิ่มขึ้นมาเป็น 200-300 ล้านบาท เนื่องจากมีการขยายไลน์การผลิตที่ 3 อีก 5 หมื่นตัน/เดือน จากปัจจุบันผลิตอยู่ 2.5 หมื่นตัน/เดือน ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะมียอดขายจากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ จ.ภูเก็ต ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมี Backlog อยู่ 300 ล้านบาท โดยบริษัทมีที่ดินที่รอทำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีก 30 ไร่ ส่วนธุรกิจเหมืองทองคำนั้นจำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานรัฐจึงจะสามารถเข้าไปดำเนินการได้ โดยเหมืองทองคำนี้มีมูลค่าจากปริมาณสำรองอยู่ 1 หมื่นล้านบาท และสามารถผลิตได้ 6-7 ปี ในอดีตบริษัทเคยมีรายได้จากเหมืองทองคำ 700-800 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการลงทุนธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานแทนทั้งในและต่างประเทศ เช่น โรงไฟฟ้าจากขยะ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และลม รวมทั้งบริษัทได้เจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นในพม่าเพื่อทำเหมืองแร่ดีบุกและพลวง ส่วนลาวก็มีการเจรจาที่จะร่วมทุนทำเหมืองถ่านหิน เป็นต้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาท
ส่งผลให้เป้ารายได้ของบริษัทฯ ใน 5 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 2 พันล้านบาท โดยมาจากธุรกิจใหม่ 50% ที่เหลือเป็นธุรกิจเหมืองหิน เหมืองทองคำและอสังหาริมทรัพย์
นายวิจิตรกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการที่จะต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้จากหนี้ทั้งหมดตามบัญชีบริษัทอยู่ที่ 2,388 ล้านบาท โดยได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอปรับลดหนี้ลงเหลือ 420 ล้านบาท ซึ่งตามแผนฟื้นฟูจะต้องคืนหนี้ทั้งหมดภายใน 5ปี โดยบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มทุนประมาณ 1,170 ล้านบาท เพื่อนำมาชำระหนี้และขยายการลงทุน โดยได้กันเงินไว้ลงทุนในเหมืองทองคำ 400 ล้านบาทแต่เนื่องจากปีนี้คงไม่มีการลงทุนในเหมืองทองคำ บริษัทจึงมีแผนที่จะนำเงินทุนส่วนดังกล่าวมาคืนหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหมด เพื่อออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ หลังจากนั้นจะนำ THL กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นอีกครั้งภายในปีนี้ โดยบริษัทจะมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้หลายร้อยล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 756.93 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพิ่มเป็น 2.34 หมื่นล้านหุ้น โดยจัดสรรให้บุคคลในวงจำกัด (PP) 8.07 พันล้านหุ้น และเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) 1.75 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรอีก 1.35 หมื่นล้านหุ้น ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันที่ 24 มี.ค.นี้ แต่เนื่องจากมูลหนี้ที่ต้องชำระให้กับเจ้าหนี้ลดลงจากเดิม 520 ล้านบาทเหลือเพียง 420 ล้านบาท และพบว่าผู้ถือหุ้นเดิมไม่ใช้สิทธิในการจองซื้อหุ้นRO ถึง 40% ดังนั้นบริษัทฯจะลดการเพิ่มทุนลง เหลือ 800-900 ล้านบาทจากเดิม 1,170 ล้านบาท