ผู้จัดการรายวัน 360 - เอกชนแนะมาตรการยกเว้นภาษีช่วงเทศกาลสั้นเกินไป น่าจะนานกว่านี้จะเห็นผลชัดเจน ด้าน ททท.ผนึกภาคีภาคเอกชนประกาศอาณาเขตเซ็นทรัล แบงค็อก ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระดับพรีเมียม พร้อมเตรียมทุ่มงบประมาณ 1,000 ล้านบาทจัดกิจกรรมหวังเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือน เฉพาะในย่านเซ็นทรัลแบงค็อก จากเดิม 1 ล้านคนต่อวัน เป็น 1.2 ล้านคนต่อวัน เติบโต 20%
จากกรณีกระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ให้ ยกเว้นภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในระหว่างวันที่ 25-31 ธันวาคม 2558 จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาทนั้น
นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐของภาครัฐบาลในช่วงปีใหม่ว่า น่าจะเกิดผลดีในการสร้างแรงจูงใจให้คนมาใช้จ่ายในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่คึกคักขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงที่ส่วนใหญ่จำเป็นต้องซื้อสินค้าเป็นของขวัญ เช่น กระเช้า น้ำหอม เสื้อผ้า หรือของแต่งบ้าน เป็นต้น โปรโมชันที่ห้างและศูนย์การค้าทั่วไปจัดช่วยกระตุ้นและเชิญชวนลูกค้าได้ส่วนหนึ่ง แต่เมื่อมาผสมผสานกับนโยบายภาครัฐดังกล่าวน่าจะตอบโจทย์คนที่ต้องใช้จ่ายในช่วงนี้ได้มาก บางคนอาจซื้อต่อบิลเพิ่มขึ้น หรือซื้อสินค้าที่มีไอเต็มใหญ่ๆ มากขึ้นด้วย
ในส่วนของห้างฯ ในกลุ่มเดอะมอลล์ ขณะนี้มีการพิจารณาเรื่องการเชิญชวนเผยแพร่ลูกค้าให้ทราบข้อมูลนโยบาย เพื่อสิทธิประโยชน์ของลูกค้า ซึ่งโดยภาพรวมเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในแง่การจับจ่าย และท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ตลอดจนกำลังพิจารณาผสมผสานกับแคมเปญที่จัดอยู่แล้วของทางห้างฯ
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) กล่าวให้ความเห็นว่า ถือเป็นมาตรการที่ดี แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาที่น้อยเกินไป น่าจะทำนานกว่านี้อย่างน้อย 2 เดือน เพื่อที่จะได้ผลชัดเจน เพราะการทำช่วงสั้นๆ นั้นอาจจะไม่ค่อ่ยเห็นผลมากนัก และอาจจะช่วยได้เฉพาะกลุ่มคนระดับกลางเท่านั้น
น.ส.บุษบา จิราธิวัฒน์ ผู้แทนเครือข่ายผู้ประกอบการในย่านเซ็นทรัล แบงค็อก กล่าวว่า ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีความตั้งใจที่จะสร้างให้ย่านเซ็นทรัล แบงค็อก เป็นหัวใจและศูนย์กลางของกรุงเทพมหานคร เช่นเดียวกับในเมืองใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งจะมีโซนที่เป็นเหมือนใจกลางของมหานครด้านเศรษฐกิจ การค้า แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และวัฒนธรรมอันงดงาม อาทิ Central London เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ, Central Park / Fifth Avenue มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเซ็นทรัล แบงค็อก ครอบคลุมบริเวณถนนสายหลัก 4 สายของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ถนนเพลินจิต, ถนนราชดำริ, ถนนพระราม 4 และถนนวิทยุ
ตามหลักภูมิศาสตร์ของผังเมืองกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการขนส่ง-คมนาคม-การติดต่อที่เชื่อมโยงถึงกันได้อย่างสะดวกส่วนในด้านการท่องเที่ยว แวดล้อมด้วยลักชัวรีเทรนด์ ทั้งโรงแรม ที่พัก แหล่งชอปปิ้งระดับไฮเอนด์ มีโรงแรมหรูกว่า 30 แห่ง ที่พักอาศัยและคอนโดมิเนียมกว่า 30 แห่ง, สิ่งศักด์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงให้นักท่องเที่ยวสักการบูชา 6 แห่ง, สวนสาธารณะสำหรับผ่อนคลาย 4 แห่ง และศูนย์การค้า-ห้างสรรพสินค้ากว่า 7 แห่ง อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์, เซน, เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เกษรพลาซ่า, อิเซตัน, อัมรินทร์พลาซา ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกและมีความสุข พร้อมทั้งใช้จ่ายในย่านเซ็นทรัล แบงค็อกได้มากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวย่านเซ็นทรัล แบงค็อก ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนต่อวัน โดยประเทศที่มาเยือนย่านเซ็นทรัล แบงค็อก มากที่สุด คือ จีน, กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง, รัสเซีย, ฮ่องกง, มาเลเซีย และอินเดีย ตามลำดับ
ทั้งนี้ ตลอดปี 2559 กลุ่มภาคเอกชนจะร่วมกับกรุงเทพมหานคร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดบิ๊กอีเวนต์ต่างๆ ที่น่าสนใจประมาณ 7-8 อีเวนต์ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศไทยทั่วประเทศเพิ่มขึ้น โดยจะใช้งบจัดกิจกรรมรวมมากว่า 1,000 ล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากสถิติปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวประเทศไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก (จำแนกตามถิ่นพำนัก) ได้แก่ จีน 4.63 ล้านคน (ส่วนแบ่งตลาด 18.70%) มาเลเซีย 2.63 ล้านคน (ส่วนแบ่งตลาด10.50%) รัสเซีย 1.07 ล้านคน (ส่วนแบ่งตลาด 6.44 %) ญี่ปุ่น 1.25 ล้านคน (ส่วนแบ่งตลาด 5.06%) และเกาหลี 1.10 ล้านคน (ส่วนแบ่งตลาด 4.47%) โดยกลุ่มจีนนี้มีกำล้งซื้อที่สูง และเป็นกลุ่มสำคัญ
ททท.คาดหวังว่าปีนี้ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโต 20% เช่นเดียวกับมูลค่ารายได้ที่เติบโต 20% หรือมีปริมาณนักท่องเที่ยวเป็น 28.8 ล้านคน และมีรายได้รวม 2.2 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11% ของจีดีพีประเทศไทย ซึ่ง ททท.มองว่าการจัดตั้งเป็นเซ็นทรัลแบงค็อก จะยิ่งช่วยทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นด้วยเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ประเทศ
นางปราณี สัตยประกอบ ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองหลวงของประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางการปกครอง การคมนาคมขนส่ง การค้า การสื่อสาร และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ โดยในปี 2558 กรุงเทพมหานครได้รับรางวัลเมืองที่น่ามาเยือนที่สุดอันดับ 1 ในเอเชีย และเป็นอันดับสองของโลก จากผลการสำรวจสุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกประจำปี 2558 ของมาสเตอร์การ์ด (Master Card Global Destination Cities Index) ด้วยเพราะเป็นศูนย์รวมของห้างสรรพสินค้า โรงแรมที่พัก สปา ร้านอาหาร อาคารสำนักงาน สวนสาธารณะ วัดและสิ่งเคารพบูชาที่มีอยู่มากมาย สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร และเมื่อมีการจัดตั้งเป็นเซ็นทรัลแบงค็อกขึ้นมาก็คาดว่าจะช่วยทำให้กรุงเทพฯ ยังคงรักษารางวัลนี้ได้อีกต่อไป