xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” ถกปากีสถานเร่งเจรจาเปิด FTA ม.ค.นี้ เผยไทยได้เพียบ ทั้งเพิ่มส่งออก-ลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ไทยบินถกปากีสถานเจรจาเร่งเปิด FTA อีกรอบ ม.ค.นี้ หารือเปิดเสรีสินค้าก่อนขยายไปเรื่องอื่น “ศิรินารถ” เผยไทยได้ประโยชน์เพียบ ทั้งขยายการส่งออก เพิ่มการลงทุน และใช้ปากีสถานเป็นประตูการค้าเจาะจีนตะวันตก เอเชียกลาง และตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคมุสลิม

น.ส.ศิรินารถ ใจมั่น อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค. 2559 ไทยจะเดินทางไปยังปากีสถานเพื่อเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ปากีสถาน หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศได้มีการเจรจากันไปครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ย. 2558 ที่กรุงเทพฯ โดยจะมีการติดตามความคืบหน้าการเจรจาเปิดเสรีด้านการค้าสินค้า เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเจรจาให้แล้วเสร็จก่อนภายในกลางปี 2560 และจากนั้นจะเริ่มเจรจาในประเด็นอื่นๆ ทั้งการค้าบริการ การลงทุน รวมถึงประเด็นอื่นๆ เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา และการแข่งขัน เป็นต้น ซึ่งไทยจะเร่งรัดให้การเจรจา FTA มีผลสำเร็จโดยเร็ว

ทั้งนี้ การทำ FTA ไทย-ปากีสถาน จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองประเทศ เพราะจะช่วยขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งในรูปแบบภาษีและไม่ใช่ภาษี เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทำให้มีโอกาสในการขยายการส่งออกสินค้าของไทย และเพิ่มโอกาสในการลงทุนระหว่างกันได้มากขึ้น

“ปัจจุบันไทยและปากีสถานมีการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันเป็นอย่างมาก โดยมีนักลงทุนไทย ได้แก่ บริษัท สยามซีเมนต์ บริษัท ไทยยูรีเทน เคมีคัลอินดัสเตรียล บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี. ปากีสถาน) ได้เข้าไปลงทุนในปากีสถานแล้ว และหากมีการเจรจา FTA สำเร็จก็จะยิ่งช่วยเสริมการค้า การลงทุนระหว่างกันให้ขยายตัวได้มากขึ้นไปอีก” น.ส.ศิรินารถกล่าว

น.ส.ศิรินารถกล่าวว่า การทำ FTA ไม่เพียงแต่ช่วยให้สินค้าไทยเจาะเข้าสู่ตลาดปากีสถาน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่อันดับ 6 ของโลก มีประชากรประมาณ 200 ล้านคน และมีประชากรที่มีกำลังซื้อสูงถึงประมาณ 30 ล้านคน แต่ยังสามารถใช้ปากีสถานเป็นประตูการค้าไปสู่ภาคตะวันตกของจีน เอเชียกลาง ภูมิภาคตะวันออกกลาง และโลกมุสลิมที่มีกว่า 50 ประเทศในกลุ่มประเทศในองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ซึ่งมีประชากรประมาณ 2 พันกว่าล้านคน คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรโลก จึงเป็นโอกาสของสินค้าฮาลาลของไทย

สำหรับสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกของไทย เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น และสินค้านำเข้าที่ไทยจะใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต เช่น ฝ้ายและผลิตภัณฑ์จากฝ้าย ด้ายและเส้นใย อัญมณี และสัตว์น้ำ เป็นต้น

ปากีสถานเป็นคู่ค้าอันดับที่ 46 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ รองจากอินเดีย ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (2553-2557) การค้าระหว่างไทยกับปากีสถานมีมูลค่าเฉลี่ย 994.25 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 7.02% โดยในปี 2557 การค้ารวมไทย-ปากีสถาน มีมูลค่า 1,016.32 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อน 2.27% โดยไทยส่งออกสินค้าไปปากีสถาน 876.30 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าสินค้าจากปากีสถาน 140.02 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 736.28 ล้านเหรียญสหรัฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น