ผู้จัดการรายวัน 360 - “สิงห์” เดินหน้ากลยุทธ์สร้างทางลัดสู่ 1 ใน 5 ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ในเออีซี ร่วมทุนผู้นำตลาดขนมข้าวอบกรอบในญี่ปุ่น ปั้นแบรนด์ใหม่ “ยูกิ” หวังรายได้ 300 ล้านบาทในปีแรกก่อนมุ่งสู่ 1 พันล้านบาท พร้อมส่วนแบ่ง 50% ใน 5 ปี เผยปี 59 พร้อมร่วมทุนพันธมิตรใหม่อีก 2-3 รายในตลาดขนมขบเคี้ยว
นายฐิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และบริษัท เฮสโก ฟู้ด อินดัสทรี่ จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากข้าว ร่วมทุนกับ บริษัท ซังโกะ เซกะ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมข้าวอบกรอบ หรือ “เซมเบ้” (Sambe) ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ในการจัดตั้ง บริษัท สิงห์-ซางโกะ จำกัด ด้วยสัดส่วน 50:50 เพื่อผลิตและจำหน่ายขนมข้าวอบกรอบ “ยูกิ” (Yuki) ในประเทศไทย
ตลาดขนมข้าวอบกรอบในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท มีอัตราเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละประมาณ 3% โดยมี “โดโซะ” เป็นผู้นำตลาดด้วยสัดส่วน 80% “ชินมัย” 8% และอื่นๆ 12% โดยเบื้องต้นบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายในปี 2559 ประมาณ 300 ล้านบาท พร้อมส่วนแบ่งตลาด 30% ก่อนเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาท พร้อมส่วนแบ่ง 50% จากตลาดรวมที่คาดว่าจะเติบโตเป็น 2 พันล้านบาทภายในปี 2563
เบื้องต้นบริษัทฯ ใช้งบประมาณ 50 ล้านบาทในการทำตลาดครอบคลุม 360 องศาผ่านทั้งสื่อหลัก สื่อออนไลน์ ตลอดจนการจัดโรดโชว์ตามสถานศึกษาและห้างสรรพสินค้า เพื่อสร้างการรับรู้สู่กลุ่มเป้าหมายหลักคือวัยรุ่น ทั้งนักเรียน นักศึกษา จนถึงวัยเริ่มต้นทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 15-25 ปี โดยมีพรีเซ็นเตอร์คนแรกคือ “ดีเจพุฒิ-พุฒิชัย เกษตรสิน”
“จุดเด่นของขนมข้าวอบกรอบยูกิคือ รสชาติสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัท ซังโกะ เซกะ จำกัด มีความชำนาญมากว่า 50 ปี โดยบริษัทฯ จะเน้นสร้างตลาดและกลุ่มผู้บริโภคใหม่ที่ไม่เคยบริโภคขนมข้าวอบกรอบเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีความได้เปรียบด้านราคาที่จำหน่ายเพียง 5 บาท 10 บาท และ 20 บาท เมื่อเทียบกับขนมข้าวอบกรอบนำเข้าที่จำหน่ายประมาณ 30-40 บาท โดยใช้จุดแข็งด้านลอจิสติกส์และกระจายสินค้าของบริษัทในเครือบุญรอดฯ ให้ครอบคลุมห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านค้าปลีกทั่วไปอย่างทั่วถึงภายในปี 2558 ก่อนที่จะเริ่มเพิ่มช่องทางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อทั่วไปตั้งแต่ต้นปี 2559”
นายฐิติพรกล่าวด้วยว่า ขนม “ยูกิ” ถือเป็นผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวแบรนด์ที่สามต่อจากสาหร่าย “มาชิตะ” และข้าวอบกรอบ “MAX SNAX” โดยในปี 2559 บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ยังมีแผนร่วมทุนกับผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวเพิ่มอีก 2-3 ราย เพื่อมุ่งสู่ 1 ใน 5 ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ในภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2563 โดยปัจจุบันธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ยังคงมีสัดส่วนรายได้หลักจากเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ 80% (น้ำและโซดา 70%, บีอิ้งและอื่นๆ 30%) ส่วนผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวมีสัดส่วนประมาณ 20% โดยคาดว่าธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ในปี 2558 จะมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 10% จาก 1.3 หมื่นล้านบาทในปี 2557
อนึ่ง ตลาดขนมขบเคี้ยว หรือสแน็กของประเทศไทยในปี 2557 มีมูลค่ารวมประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น มันฝรั่งและขนมขึ้นรูป 60% สาหร่าย 10% ถั่ว 5-10% ปลาเส้น 5-10% และขนมข้าวอบกรอบ 3% โดยคาดว่าในปี 2558 จะมีอัตราการเติบโต 3-5% จากที่ติดลบ 3-5% ในปี 2557