ผู้จัดการรายวัน360 - “คิง เพาเวอร์” ทุ่มงบลงทุน 4,500 ล้านบาทผุดอาณาจักรสินค้าปลอดภาษีในเมืองสาขาที่ 4 “คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต” รวบรวมแบรนด์เนมหรูชั้นนำระดับโลกกว่า 100 แบรนด์ พิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์เจาะนักชอปทั้งไทยและต่างประเทศ และกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติในโซนภาคใต้
นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของลูกค้าทั้งนักท่องเที่ยวและกลุ่มนักชอปคนไทย คิง เพาเวอร์ได้มีการศึกษาความไปได้ที่จะเพิ่มทางเลือกในการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเดินทางมาชอปปิ้ง เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกหลากหลายมากยิ่งขึ้น เราจึงตัดสินใจทุ่มงบกว่า 4,500 ล้านบาทในการสร้างโครงการ “คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต” ขึ้นมา ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยว และสมาชิก คิง เพาเวอร์ ในเขตภาคใต้ โดยโครงการนี้ได้เปิดให้บริการเพื่อรองรับนักชอปทั้งชาวไทยและต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป
สำหรับ คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดกว่า 30 ไร่ บนถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต.วิชิต อ.เมือง ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตประมาณ 30 กิโลเมตร ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้ำสมัย ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประกายไข่มุกแห่งท้องทะเลอันดามัน ผสมผสานลวดลายการเจียระไนของอัญมณีทะเลใต้ สอดคล้องกับดีไซน์ของตัวอาคารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานในรูปแบบ Green Building เพื่อสร้างมนต์สะกดให้แก่นักเดินทางได้สัมผัสความเป็นอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของแดนใต้ได้อย่างลงตัว เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของนักเดินทางและผู้นำด้านสินค้า การบริการธุรกิจปลอดอากรของไทย มานานกว่า 26 ปี
โดยภายในอาคารได้ออกแบบให้เป็นชอปปิ้ง ดิวตี้ฟรี มอลล์ ขนาดใหญ่รองจากสาขาศรีวารี บนพื้นที่กว่า 26,312 ตารางเมตร แบ่งเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ 1. โซนร้านค้าดิวตี้ ฟรี มีพื้นที่ 8,200 ตารางเมตร รวบรวมสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกกว่า 100 แบรนด์ ทั้งบูติกแฟชั่น, เครื่องสำอางและน้ำหอม จากแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 40 แบรนด์ และเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์อย่าง Giorgio Armani และนาฬิกา (Watch) แบรนด์ดังกว่า 17 แบรนด์
2. โซนสินค้าไทย (Thai Pavilion) เพื่อตอบสนองความต้องการนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศให้ได้เลือกซื้อสินค้าแบรนด์ไทยระดับพรีเมียม บนพื้นที่ขนาด 4,500 ตารางเมตร ออกแบบให้เป็นอาคารขนาด 2 ชั้น โดยใช้สัญลักษณ์ลวดลายผ้าปักลูกไม้ลายดอก ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ เพื่อให้ลูกค้าชาวต่างชาติได้สัมผัสศิลปะ วัฒนธรรม และสินค้าไทย เช่น Aiya Disaya Jim Thomson Munchu’s และPainkiller รวมถึงสินค้า House Brand ของคิง เพาเวอร์ ที่รังสรรค์สินค้าของไทยภายใต้คอนเซ็ปต์ “แรงบันดาลใจในการเดินทาง” ให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องมีไฟลต์เดินทาง
3. โซนภัตตาคารรามายณะ ร้านอาหารในรูปแบบสไตล์บุฟเฟต์นานาชาติ บนเนื้อที่กว่า 1,700 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้มากถึง 1,000 ที่นั่ง ภายในตกแต่งด้วยภาพเขียนจิตรกรรมไทยแบบหนังตะลุงศิลปะการแสดงประจำท้องถิ่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของภาคใต้
นอกจากนี้ยังมีสินค้าอีกหลากหลายอย่างเพื่อเติมเต็มการชอปปิ้งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สปอร์ต รวมถึงจุดบริการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ และจุดบริการนักท่องเที่ยวในการขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT Refund เพื่ออำนวยความสะดวกในการชอปปิ้งสินค้าดิวตี้ฟรี ซึ่งลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากคิง เพาเวอร์ ภูเก็ต สามารถรับสินค้าได้ที่อาคารผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตในวันเดินทาง
นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของลูกค้าทั้งนักท่องเที่ยวและกลุ่มนักชอปคนไทย คิง เพาเวอร์ได้มีการศึกษาความไปได้ที่จะเพิ่มทางเลือกในการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเดินทางมาชอปปิ้ง เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกหลากหลายมากยิ่งขึ้น เราจึงตัดสินใจทุ่มงบกว่า 4,500 ล้านบาทในการสร้างโครงการ “คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต” ขึ้นมา ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยว และสมาชิก คิง เพาเวอร์ ในเขตภาคใต้ โดยโครงการนี้ได้เปิดให้บริการเพื่อรองรับนักชอปทั้งชาวไทยและต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป
สำหรับ คิง เพาเวอร์ ภูเก็ต ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดกว่า 30 ไร่ บนถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ต.วิชิต อ.เมือง ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตประมาณ 30 กิโลเมตร ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้ำสมัย ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประกายไข่มุกแห่งท้องทะเลอันดามัน ผสมผสานลวดลายการเจียระไนของอัญมณีทะเลใต้ สอดคล้องกับดีไซน์ของตัวอาคารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานในรูปแบบ Green Building เพื่อสร้างมนต์สะกดให้แก่นักเดินทางได้สัมผัสความเป็นอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของแดนใต้ได้อย่างลงตัว เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของนักเดินทางและผู้นำด้านสินค้า การบริการธุรกิจปลอดอากรของไทย มานานกว่า 26 ปี
โดยภายในอาคารได้ออกแบบให้เป็นชอปปิ้ง ดิวตี้ฟรี มอลล์ ขนาดใหญ่รองจากสาขาศรีวารี บนพื้นที่กว่า 26,312 ตารางเมตร แบ่งเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ 1. โซนร้านค้าดิวตี้ ฟรี มีพื้นที่ 8,200 ตารางเมตร รวบรวมสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกกว่า 100 แบรนด์ ทั้งบูติกแฟชั่น, เครื่องสำอางและน้ำหอม จากแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 40 แบรนด์ และเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์อย่าง Giorgio Armani และนาฬิกา (Watch) แบรนด์ดังกว่า 17 แบรนด์
2. โซนสินค้าไทย (Thai Pavilion) เพื่อตอบสนองความต้องการนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศให้ได้เลือกซื้อสินค้าแบรนด์ไทยระดับพรีเมียม บนพื้นที่ขนาด 4,500 ตารางเมตร ออกแบบให้เป็นอาคารขนาด 2 ชั้น โดยใช้สัญลักษณ์ลวดลายผ้าปักลูกไม้ลายดอก ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ เพื่อให้ลูกค้าชาวต่างชาติได้สัมผัสศิลปะ วัฒนธรรม และสินค้าไทย เช่น Aiya Disaya Jim Thomson Munchu’s และPainkiller รวมถึงสินค้า House Brand ของคิง เพาเวอร์ ที่รังสรรค์สินค้าของไทยภายใต้คอนเซ็ปต์ “แรงบันดาลใจในการเดินทาง” ให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้โดยไม่ต้องมีไฟลต์เดินทาง
3. โซนภัตตาคารรามายณะ ร้านอาหารในรูปแบบสไตล์บุฟเฟต์นานาชาติ บนเนื้อที่กว่า 1,700 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้มากถึง 1,000 ที่นั่ง ภายในตกแต่งด้วยภาพเขียนจิตรกรรมไทยแบบหนังตะลุงศิลปะการแสดงประจำท้องถิ่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของภาคใต้
นอกจากนี้ยังมีสินค้าอีกหลากหลายอย่างเพื่อเติมเต็มการชอปปิ้งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สปอร์ต รวมถึงจุดบริการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ และจุดบริการนักท่องเที่ยวในการขอคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT Refund เพื่ออำนวยความสะดวกในการชอปปิ้งสินค้าดิวตี้ฟรี ซึ่งลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากคิง เพาเวอร์ ภูเก็ต สามารถรับสินค้าได้ที่อาคารผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตในวันเดินทาง
