KFC สร้างร้านเป็นอาคารเขียวผ่านการออกแบบและก่อสร้างที่ใช้วัสดุช่วยลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน นำร่องเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนเจ้าแรกของไทย ด้วยการนำมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ซึ่งเป็นระบบการออกแบบและก่อสร้างอาคารที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการประหยัดพลังงานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากลมาใช้ โดยตั้งเป้าพัฒนาร้าน KFC ที่สร้างใหม่ในปี 2559 ทุกร้านเป็นอาคารเขียว
KFC ได้เริ่มดำเนินการโครงการก่อสร้างร้านอาหารตามมาตรฐาน LEED ตั้งแต่ต้นปี 2557 ถือเป็นแบรนด์ร้านอาหารรายแรกของไทยที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานนี้ โดยได้เลือกโครงการนำร่องจำนวน 11 สาขาซึ่งขณะนี้ทุกโครงการดำเนินการแล้วเสร็จและได้รับใบรับรอง (LEED Certificate) และเปิดการขายครบทุกสาขา ได้แก่ สาขาบิ๊กซี กาญจนบุรี, อยุธยา ซิตี้พาร์ค, เดอะ อัพ พระราม 3, เพียวเพลส ราชพฤกษ์, เพชรเกษม เพาเวอร์ เซ็นเตอร์, รามคำแหง, โลตัส พัฒนาการ, เทพารักษ์, ถนนมหิดล (เชียงใหม่), พาสิโอ กาญจนาภิเษก และสาขาเดอะมู๊ด นครชัยศรี
สำหรับมาตรฐาน LEED ในปัจจุบันมีอยู่ 4 ระดับ ซึ่งจะมีคะแนนตามมาตรฐานที่เพิ่มขึ้นตามลำดับคือ ระดับที่ 1 Certified, ระดับที่ 2 Silver, ระดับที่ 3 Gold และระดับที่ 4 Platinum โดยร้าน KFC ได้รับ LEED Certificate ระดับ LEED Gold มีถึง 8 สาขา ได้แก่ สาขาเพียวเพลส ราชพฤกษ์, เพชรเกษม เพาเวอร์ เซ็นเตอร์, รามคำแหง, เทสโก้ โลตัส พัฒนาการ, เทพารักษ์, พาซิโอ กาญจนาภิเษก, เดอะมู๊ด นครชัยศรี และ ถนนมหิดล (เชียงใหม่) ส่วนที่เหลืออีก 3 สาขาได้รับการรับรองในระดับ LEED Certified
ร้าน KFC ที่ได้ออกแบบและก่อสร้างตามแนวทางอาคารสีเขียวของ LEED ส่วนใหญ่จะเป็นร้านในรูปแบบ “ไดร์ฟทรู สแตนด์อะโลน” ที่มีศักยภาพในการออกแบบได้ตามมาตรฐานของ LEED โดยเลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ หลอดไฟ LED ทั้งไฟสว่างในร้านและป้ายร้าน วัสดุตกแต่ง สี กาว ที่มีส่วนประกอบสารระเหยต่ำ ใช้สุขภัณฑ์รวมทั้งอุปกรณ์ที่ประหยัดน้ำ มีที่แยกทิ้งขยะและเตรียมพื้นที่คัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิล ใช้กระจก Low-E ช่วยลดความร้อนจากภายนอกเข้ามาภายในอาคาร ตลอดจนใช้เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง และใช้แผ่นหลังคาที่ลดการสะท้อนของรังสีโซลาร์
ผลที่ได้จากการพัฒนาร้านเป็นอาคารเขียวดังกล่าว ได้แก่
1.ลดการใช้พลังงานในอาคาร 40% (เทียบกับเกณฑ์เฉลี่ยสากลของอาคารประเภทเดียวกัน)
2.ลดการใช้น้ำ 60%
3.ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 40%
4.ลดขยะจากการก่อสร้าง 75%
5.คุณภาพอากาศภายในอาคารที่ดีต่อสุขภาพของผู้ใช้อาคาร
6.ลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในระหว่างการก่อสร้าง
นอกเหนือจากมาตรฐาน LEED แล้ว บริษัท ยัม แบรนด์ อิงค์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ KFC ยังได้นำองค์ความรู้ที่ได้จากการสร้างอาคารเขียวด้วยมาตรฐาน LEED ของร้านอาหารในสังกัดทั่วโลกมาพัฒนาเป็นมาตรฐานอาคารเขียวที่มีชื่อเรียกว่า “Blueline” โดยใช้หลักการและแนวทางเดียวกันกับ LEED แต่ได้ปรับให้เฉพาะเจาะจงเข้ากับร้านอาหาร
สำหรับมาตรฐาน Blueline จะเน้นไปที่ 6 องค์ประกอบหลักของการออกแบบและก่อสร้างได้แก่ สถานที่ตั้งร้านต้องเอื้อต่อสิ่งแวดล้อม (Site Sensitivity), การประหยัดพลังงาน (Energy Savings), การประหยัดและอนุรักษ์น้ำ (Water Conservation), การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Sensible Materials), การติดตามผลและตรวจสอบหลังเปิดใช้อาคาร (Quality Assurance), และการให้ความสำคัญกับผู้ใช้อาคาร (People First)
ทั้งนี้ ร้านที่จะผ่านมาตรฐาน Blueline ต้องผ่านเกณฑ์ข้อบังคับ 27 ข้อ (27 Must Haves) และเกณฑ์ที่สามารถเลือกได้อีกอย่างน้อย 20 ข้อ (20 Options) โดยปัจจุบันร้าน KFC ในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Blueline แล้วมีจำนวน 3 สาขาคือ เทสโก้ โลตัส คลองหลวง, อัศวรรณ 2 (หนองคาย), และเดอะวัน บางใหญ่ ส่วนอีก 1 สาขาที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคือ สุวินทวงศ์