ASTVผู้จัดการรายวัน - “ภาพรวมตลาด TFEX ในปีนี้เติบโตขึ้นเฉลี่ย 30% เทียบกับปีที่แล้ว และคาดว่าปีหน้าจะมีแนวโน้มที่ตลาดอนุพันธ์จะเติบโตมากขึ้น เพราะ AFET เข้ามาควบรวมทำให้ได้ฐานนักลงทุนจากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเพิ่มตามมาด้วย แล้วก็ยังมีนักลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาเทรดหลังเปิด AEC อีก”
เสียงเล็กๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่อ “รินใจ ชาครพิพัฒน์” กรรมการผู้จัดการตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ TFEX ผุ้กุมบังเหียนชะตากรรมของตลาดอนุพันธ์ที่นับวันจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างก้าวกระโดด โดยไม่สนว่าตลาดทุนไทยจะมีความผันผวนจากสถานการณ์ปัจจัยแวดล้อมทั้งในประเทศ และภายนอกประเทศเข้ามากระทบมากน้อยแค่ไหนก็ตาม หลากหลายคำถามที่นักลงทุนอยากรู้
Q.อำนาจในการบริหาร TFEX หลังควบรวม 2 ตลาดเข้าด้วยกันแล้ว อำนาจจะตกไปอยู่ที่ใคร และมีความซับซ้อนมากน้อยแค่ไหน
A. หลังจากที่ พ.ร.บ.สินค้าเกษตรล่วงหน้ามีการแก้ไขแล้ว โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแล TFEX ได้ขออนุมัติให้สินค้าเกษตรเป็นสินค้าตาม พ.ร.บ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแล้ว ก็จะสามารถ ดำเนินการซื้อขาย อาร์เอสเอส 3 ฟิวเจอร์ได้เป็นสินค้าตัวแรก ซึ่งก่อนจะเริ่มซื้อขายจะทำการแจ้งไปยัง AFET เป็นเวลาล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าได้รับทราบ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ TFEX ก็จะไม่ออกสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเดือนใหม่ ซึ่งเฉลี่ยคร่าวๆ ประมาณ 7 เดือน โดยจะมีสินค้าเหมือนกันซื้อขายกันอยู่ใน 2 ตลาด เพื่อวัตถุประสงค์ในการย้าย AFET มา TFEX เป็นไปได้โดยง่าย ฉะนั้นนักลงทุนที่มีสัญญาอยู่ในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าก็จะสามารถปิดสัญญา แล้วย้ายมาซื้อขายในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ทันที ซึ่งตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และโบรกเกอร์ก็จะมีมาตรการแรงจูงใจทางการตลาด เช่น ค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อจะช่วยให้ผู้ลงทุนย้ายมาทำการซื้อขายในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้สะดวก และราบรื่นมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ TFEX ก็จะมีการออกกฎเกณฑ์การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าใหม่ทั้งหมด โดยจะระบุเป็นสินค้าที่เพิ่มขึ้นมาขายในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ เช่น RSS3 (สินค้ายางแผ่นรมควัน) มาซื้อขายก็จะเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเช่นกัน
Q.หลังจากเปิดประชาคมอาเซียนแล้วจะมีความยืดหยุ่นมากน้อยแค่ไหนในการที่นักลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้านจะเข้ามาเทรด TFEX ด้วย และไทยจะได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์ตรงนี้อย่างไรบ้าง
A. ในปัจจุบันนี้ตลาดอินโดจีน หรือ GMS ส่วนใหญ่เป็นตลาดเกิดใหม่ และหุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดยังมีอยู่จำนวนน้อย และไม่มีสินค้าประเภทอนุพันธ์ ซึ่งผิดกับตลาดใหญ่ๆ ที่มีมานานแล้ว เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ที่มีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายตามความต้องการของนักลงทุน ซึ่งในปัจจุบันนี้ทางหน่วยงานที่กำกับดูแลทางการเงิน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. มีความยืดหยุ่นในการอนุญาตินักลงทุนไปลงทุนต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้นักลงทุนจากต่างประเทศได้เข้ามาลงทุนในตลาดอนุพันธ์เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่มีข้อจำกัดเหมือนเช่นสมัยก่อน
“ถ้าประเทศเพื่อนบ้านมีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจไปในทิศทางที่เติบโตดีขึ้น และประชาชนในประเทศมีความรู้ด้านการลงทุนที่หลากหลายขึ้น ก็มีโอกาสที่ TFEX จะไปประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ประเทศไทยเข้ามาซื้อขายได้ในอนาคต”
ทั้งนี้ การซื้อขายอนุพันธ์จะมีองค์ประกอบหลายด้านขึ้นอยู่กับว่านักลงทุนสามารถบริหารความเสี่ยง หรือการผันผวนของราคา เช่น สินค้าเกษตร ที่เป็นโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นสินค้าระดับโลก หากในอนาคตสินค้าประเภทนี้ได้รับความนิยม มีสภาพคล่องสูง ในตลาดมากก็มีความเป็นไปได้ในอนาคตที่นักลงทุนจะใช้สินค้าประเภทนี้บริหารความเสี่ยง
Q.ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายทั้งได้รับความนิยม และไม่ได้รับความนิยม ทาง TFEX จะมีการยกเลิกผลิตภัณฑ์ไหน และเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาทดแทนในอนาคตหรือไม่
A.สินค้าในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีความหลากหลาย ซึ่งมีทั้งที่ได้รับความนิยม ประสบความสำเร็จอย่างมาก และไม่ได้รับความนิยม เช่น ที่ได้ดำเนินการไปแล้วในปีนี้คือ SET50 Option ซึ่งเปิดให้บริการมากว่า 8 ปีแล้ว ส่วนที่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรได้แก่ สินค้าประเภท Option ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงสินค้าประเภทออปชันใหม่ ให้มีช่วงของสัญญาที่มีความห่างมากขึ้น อีกทั้งในปีนี้ยังได้มีการให้มาร์เกต เมกเกอร์ เข้ามาช่วยในการกระตุ้นการขายมากขึ้นตลอดทั้งวันในทุกซีรีส์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดอนุพันธ์ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นของเกาหลีใต้ หรือไต้หวัน ก็ประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยมีโบรกเกอร์จำนวน 4 ราย ได้แก่ KGI กสิกร ภัทร และออสสิริส ฟิวเจอร์ส ที่ได้เข้ามาช่วยทำให้วอลุ่มเทรดเพิ่มมากขึ้นจากเดิมซึ่งอยู่ที่ 400 สัญญา/วัน เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยประมาณ 1,200 สัญญา และช่วงที่สูงที่สุดอยู่ที่ 7,000 สัญญา/วัน อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าแนวโน้มในอนาคตจะมีโบรกเกอร์เข้ามาร่วมอีกพัฒนา สินค้าประเภท Option อีกหลายราย โดยหาก INDEX Option ประสบความสำเร็จก็จะสามารถต่อยอดไปสู่ Stock Option ได้ในอนาคต ส่วนสินค้าอื่นๆ ก็จะค่อยๆ ทยอยปรับปรุงไปตามความเหมาะสม
Q. ในปัจจุบันมีโบรกเกอร์ฯอยู่จำนวนเท่าไหร่ และจะมีการเพิ่มเข้ามาไหมเพื่อรองรับความต้องการหลังจากนี้ที่จะมีการซื้อขาย AFET เข้ามาด้วย
A.ปัจจุบันส่วนของโบรกเกอร์มีอยู่ทั้งสิ้น 43 ราย และจะรับเพิ่มใหม่ซึ่งเป็นโบรกฯ ที่ย้ายมาจาก AFET อีก 3 ราย โดยในจำนวน 3 รายที่จะย้ายมาใหม่ มี 1 ราย ที่ได้รับใบอนุญาติในการซื้อขายได้ทุกผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรล่วงหน้า ส่วนอีก 2 รายเป็นโบรกฯ ที่จำกัดการซื้อขายได้เพียงสินค้าเฉพาะอย่างเท่านั้น ซึ่งคาดว่าแนวโน้มในอนาคตจะมีโบรกฯ เพิ่มเข้ามามากขึ้น เนื่องจากว่าไม่ได้มีการจำกัดจำนวนสมาชิก เพียงแต่การรับสมาชิกในปัจจุบันมีการรับเป็นรอบๆ ไปเพื่อความสะดวกในการ ปฏิบัติงานมากกว่า เพราะต้องมีการทดสอบระบบ และมีการขึ้นระบบใหม่ด้วย ซึ่งใบอนุญาตของสมาชิกหากมีคุณสมบัติครบถ้วนก็สามารถมาขอใบอนุญาติที่ TFEX ได้
Q.หลังจากควบรวม 2 ตลาดแล้ว โบรกเกอร์ที่เข้ามาใหม่จะมีความแตกต่างจากโบรกฯ ที่ให้อยู่เดิมมากน้อยแค่ไหน ทั้งโบรกฯ ทองคำ และโบรกฯ หุ้น
A.ในปัจจุบันนี้ไม่มีโบรกฯ ทองคำอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เนื่องจากว่าในปัจจุบันสามารถให้บริการในการซื้อขายสินค้าได้ทุกประเภทในตลาดอนุพันธ์ ซึ่งจำนวนโบรกฯ ทองคำเดิมจำนวน 5-6 ราย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เช่น ออสซิริส หรือฮั่วเซ่งเฮง ก็ให้บริการได้หลากหลาย มีมาร์เกตแชร์มากเป็นอันดับต้นๆ แม้ว่าจะมีต้นกำเนิดมาจากการเป็นโบรกฯ ทองคำก็ตาม แต่กระนั้นในส่วนของโบรกฯ ที่มีข้อจำกัดในเรื่องใบอนุญาติการให้บริการซื้อขายจำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ ซึ่งหาก พ.ร.บ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีผลบังคับใช้แล้ว ในการรับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเข้ามาก็จะมีโบรกฯ เพียง 2 รายเท่านั้นที่จะซื้อขายได้เฉพาะยางพาราเท่านั้น ซึ่งในอนาคตหากผู้ให้บริการมองว่าสามารถให้บริการในสินค้าอื่นๆ ก็สามารถยื่นขอใบอนุญาตในการซื้อขายสินค้าประเภทอื่นๆ ได้
Q.หาก TFEX รับ AFET เข้ามาแล้ว ภาพรวมปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันจะปรับลดลงไปหรือไม่ เนื่องจากสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ยังอ้างอิงราคาความต้องการในตลาดโลก และฤดูกาล
A.ในแง่ภาพรวมคงไม่กระทบที่จะฉุดปริมาณการซื้อขายให้น้อยลง โดยสินค้าแรกของ AFET ที่จะนำเข้ามาเข้ามาซื้อขายในตลาด TFEX คือ RSS3 (ยางแผ่นรมควัน) ซึ่งเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ และความต้องการในตลาด เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ผลิต และส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก เพราะฉะนั้นในเชิงธุรกิจประเทศไทยมีพื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ว่า TFEX จะสามารถต่อยอดจาก AFET ไปในการเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้หรือไม่
“ตอนนี้มีความกดดันเนื่องจากเมื่อย้ายเข้ามาอยู่ TFEX แล้วฐานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น อีกทั้งระบบของ TFEX มีการเชื่อมต่อกับผู้ลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว แต่การจะสร้างสภาพคล่องนั้นมีความสำคัญมากกว่าการสร้างฐานลูกค้า และไม่สามารถใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ได้”
Q.ภาพรวมตลาด TFEX ในช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มทิศทางในไตรมาส 4 ตลอดจนแผนการดำเนินงานในปี 2559
A.ภาพรวมตลาด TFEX ในปีนี้เติบโตขึ้นเฉลี่ย 30% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นไปตามเป้าหมายที่ประเมินไว้ ซึ่งปีที่แล้วมียอดซื้อขายอยู่ที่ 147,000 สัญญา/วัน ขณะที่ในปีนี้มียอดการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 199,000 สัญญา/วัน ขณะที่ในส่วนของความนิยมในผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง โดยปีที่แล้ว Single Stock Futures ได้รับความนิยมอย่างสูงเป็นอันดับ 1 ส่วน SET50 Futures ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 และ Gold Futures เป็นอันดับที่ 3 ขณะที่ในปีนี้ SET50 Futures ได้รับความนิยมมีปริมาณการซื้อขายเป็นอันดับ 1 ขณะที่ Single Stock Futures เป็นอันดับที่ 2 และ Gold Futures ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 3 โดยเฉพาะ SET50 Futures ในปีนี้ที่ตลาดมีความผันผวนสูงจึงได้รับความนิยมอย่างมาก มีปริมาณการซื้อขายจำนวนมาก อีกทั้งมีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ ขณะที่ในส่วนของสัดส่วนนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศในปีนี้เพิ่มขึ้นจากตลาดรวมทั้งหมด จากเดิมที่ 9% เพิ่มขึ้นมาเป็น 11% แต่หากพิจารณาเฉพาะ SET50 Futures จะอยู่ที่ประมาณ 20%
ขณะที่ในปีหน้าเตรียมที่จะปรับปรุงในเรื่องสภาพคล่องของตลาดให้มีเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในตลาดอนุพันธ์มากขึ้น อีกทั้งจะมีการทำการตลาดในต่างประเทศเพื่อให้นักลงทุนต่างประเทศมีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนใน TFEX ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะให้บริการในปีหน้า นอกเหนือจาก RSS3 ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้ จะมีการพิจารณาคัดเลือกสินค้าที่มีศักยภาพมีความต้องการในตลาดก็จะหยิบยกสินค้าตัวนั้นขึ้นมาทำ ซึ่งจะดูสภาพตลาดในขณะนั้นว่ามีความเหมาะสมหรือไม่เป็นประเด็นหลัก
“ที่เริ่มปรับปรุงไปบ้างแล้วในตอนนี้คือ USD Futures โดยการเพิ่ม Position Limit ที่มีอยู่น้อยให้มีจำนวนที่มากขึ้น และจำนวน Contact ให้มากขึ้นด้วย จากเดิม Position Limit อยู่ที่ 5,000 เพิ่มขึ้นเป็น 10,000 นอกจากนี้ ยังมีการปรับสัญญาของ Oil Futures ซึ่งในปัจจุบันอ้างอิงจากน้ำมันดิบ Brent Crude ซึ่งทางน้ำมันดิบเบรนท์ ได้ปรับตารางเวลาการกำหนดสัญญาจากเดิมที่หมดอายุกลางเดือน เป็นหมดอายุปลายเดือน ซึ่งตลาด TFEX ก็จะเป็นที่จะต้องปรับสัญญาตามไปด้วย”
นักลงทุนที่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทน้ำมันซึ่งไม่มีราคาเรียลไทม์ให้ดูตลอด ก็จะต้องพิจารณาการเลือกลงทุนจากราคาน้ำมันในตลาดยุโรปเป็นหลัก ซึ่งหากไม่มีวันหมดอายุที่ใกล้เคียงกันก็จะเป็นการลำบากสำหรับนักลงทุนในการซื้อขาย ซึ่งสัญญาใหม่ที่เริ่มทำไปแล้วจะมีวันหมดอายุปลายเดือน โดยจะเริ่มในเดือนมกราคมปีหน้าเป็นต้นไป นอกเหนือจากนี้ก็จะมีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วให้มีความเหมาะสมในตลาดมากขึ้น
คงต้องติดตามกันต่อไปว่า แนวโน้มตลาดอนุพันธ์ไทย ซึ่งแม้ว่าถ้าเทียบเคียงกันแล้วกับต่างประเทศ ไทยจะยังมีนักลงทุนในผลิตภัณฑ์ประเภทนี้อยู่น้อย แต่เชื่อมั่นว่าในอนาคตอันใกล้ด้วยมนต์เสน่ห์แห่งผลตอบแทนจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่สร้างแรงดึงดูดใจในการเข้ามาลงทุนในตลาด TFEX นี้ จะทำให้นักลงทุนรุ่นใหม่เกิดขึ้นในตลาดได้อย่างไม่ยาก