ASTV ผู้จัดการรายวัน - “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” ผู้บริหารแบรนด์โรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ สัญชาติไทย เผยผลประกอบการขั้นต้น 3 ไตรมาสแรกสูงกว่าปีก่อน 36% คาดปี 58 ทำรายได้เพิ่มขึ้น 15% เดินหน้าขยายโครงการต่อทั้งในไทย ศรีลังกา เวียดนาม มาเลเซีย จีน ตามแผนขยายครบ 81 แห่งในปี 61
นายปีเตอร์ เฮนลีย์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” หนึ่งในบริษัทบริหารจัดการแบรนด์โรงแรมชั้นนำของเอเชียแปซิฟิก ภายใต้ 4 แบรนด์หลักที่แตกต่างและโดดเด่นทางด้านบริการ ได้แก่ “ซัฟฟรอน”, “อมารี”, “โอโซ่” และ “ชามา” เปิดเผยว่า ปัจจุบัน “ออนิกซ์ฯ” บริหารจัดการโรงแรมในเครือทั้งหมด 59 แห่ง โดยปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการ 20 แห่ง คาดว่าภายในปี 2561 จะมีโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ภายใต้การบริหารจัดการทั้งหมด 81 แห่ง
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2558 มีผลประกอบการขั้นต้น (Gross Operating Profit) กว่า 36% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2557 ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในเป้าหมายที่จะบรรลุการเติบโตของผลประกอบการขั้นต้นเป็น 3 เท่าภายในปี 2561 แม้ว่าในปี 2558 จะเป็นปีที่มีสิ่งท้าทายมากมายเกิดขึ้น แต่คาดว่าจะทำรายได้มากขึ้นกว่าปี 2557 ถึง 15% โดยรายได้โดยรวมจากห้องพักของโรงแรมในประเทศไทย (Room Revenue) ปรับตัวดีขึ้นถึง 21.4% ขณะที่รายได้โดยรวมจากห้องพักของโรงแรมในต่างประเทศ (Room Revenue) ปรับตัวดีขึ้นถึง 19.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557
ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการพัฒนาโครงการต่างๆ เริ่มจาก “อมารี ภูเก็ต” ฉลองการเปิดให้บริการครบรอบ 30 ปี พร้อมเสร็จสิ้นจากการปรับปรุงโฉมของรีสอร์ตอย่างเต็มรูปแบบ และเปิดตัวเฟสใหม่ “โอเชี่ยน วิง” เพิ่มห้องพักอีกจำนวน 183 ห้อง ประกอบด้วยห้องสวีตแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ตั้งอยู่บนหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของเกาะภูเก็ต
ต่อมาในเดือนพฤษภาคมยังได้เพิ่มเครือข่ายจากการเปิดให้บริการ “โอโซ่ แคนดี้ ศรีลังกา” ซึ่งนับเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์ “โอโซ่” แห่งที่ 5 ในเมืองแคนดี้ ณ ใจกลางเมือง และใกล้สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังซึ่งรวมถึงทะเลสาบแคนดี้ จากนั้นในเดือนกรกฎาคมยังได้เปิดตัวเว็บไซต์อมารีรูปโฉมใหม่ โดยเสริมลูกเล่นต่างๆ เช่น การมีภาพทัวร์แบบเสมือนจริง (Virtual Tour) และวิดีโอประกอบเพิ่มเติม
สำหรับแผนในอนาคต “ออนิกซ์ฯ” เตรียมเปิดตัวรีสอร์ตแห่งใหม่ “อมารี ฮาวอดด้า มัลดีฟส์” ซึ่งจะเปิดให้บริการในวันที่ 15 มกราคม 2559 บนพื้นที่เกาะส่วนตัวที่เหมาะในการพักผ่อนอย่างแท้จริง ประกอบด้วยห้องพักแบบวิลลา จำนวนทั้งหมด 120 ห้อง แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ วิลลาติดชายหาด และวิลลาเหนือพื้นน้ำ ออกแบบตกแต่งภายใต้แนวคิด “ความเรียบง่ายตามธรรมชาติ” (Natural Simplicity) โดยห้องพักทุกห้องให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายแบบร่วมสมัย เป็นมิตรต่อธรรมชาติ รวมถึงได้ใกล้ชิดกับมหาสมุทรจนได้ยินทุกเสียงคลื่น
นอกจากนี้ ยังจะเปิดให้บริการ “อมารี เกาะสมุย” อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 197 ห้อง แบ่งเป็น 3 วิง ห้องพักออกแบบตกแต่งโดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเป็นไทยผสมผสานด้วยกลิ่นอายแบบร่วมสมัย
นายปีเตอร์กล่าวด้วยว่า “ออนิกซ์ฯ” มีแผนขยายธุรกิจออกสู่ตลาดใหม่ในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรธุรกิจร่วมกับ “เอชบี กรุ๊ป” (HB Group) บริหารโครงการ “โอโซ่ ฮอยอัน” ประเทศเวียดนาม เพื่อให้บริการห้องพักสไตล์รีสอร์ตริมทะเลจำนวน 364 ห้อง ในพื้นที่ของโครงการ “นิว ฮอยอัน ซิตี้” โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2560 นอกจากนี้ ยังมีการขยายฐานแบรนด์ “อมารี” สู่ประเทศศรีลังกาผ่านโครงการ “อมารี กอลล์ ศรีลังกา” ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2560
*** โครงการภายใต้การพัฒนา ***
“ออนิกซ์ฯ” มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้บริหารจัดการชั้นนำด้านการบริการในภูมิภาคเอเชียภายในปี 2561 ด้วยจำนวนโครงการที่เซ็นสัญญาแล้ว โดยมีกำหนดจะเปิดตัวในปี 2559 และในอนาคต ได้แก่
1. “อมารี ฮาวอดด้า มัลดีฟส์” เปิดให้บริการ 15 มกราคม 2559 ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่เกาะ Gaafu Dhaalu ให้บริการห้องพักแบบวิลลาจำนวน 120 ห้อง แบ่งเป็นห้องพักแบบบีช วิลลา 48 ห้อง ห้องพักแบบบีช พูล วิลลา 12 ห้อง ห้องพักแบบโอเวอร์วอเตอร์ วิลลา 58 ห้อง และห้องพักแบบโอเวอร์วอเตอร์ พูล วิลลา 2 ห้อง
2. ปรับโฉมใหม่ “อมารี เกาะสมุย” เปิดให้บริการ 1 เมษายน 2559 ประกอบด้วย ห้องพักจำนวน 197 ห้อง รีสอร์ตแบ่งออกเป็น 3 วิง โดยรูปโฉมใหม่ของโรงแรมมอบความรู้สึกถึงความหรูหราทันสมัย ผสมผสานกับภาพลักษณ์ที่สง่างาม แต่ยังคงตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่นบนหาดทรายสีขาวของชายหาดเฉวง
3. “โอโซ่ ฮอยอัน” เปิดให้บริการต้นปี 2560 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทในการพัฒนาโครงการ “นิว ฮอยอัน ซิตี้” ประกอบด้วยศูนย์การค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง อพาร์ตเมนต์และวิลลาที่อยู่อาศัย รวมถึงสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยในส่วนของโรงแรมเปิดให้บริการห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกภายใต้การบริการในสไตล์ “โอโซ่” ได้แก่ “อีท” (EAT) ห้องอาหารที่ให้บริการตลอดทั้งวัน ห้องออกกำลังกาย และห้องประชุมอเนกประสงค์ โดยผู้เข้าพักที่จะสามารถเข้าถึงสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายเพื่อไปยังพื้นที่ภูมิทัศน์อันสวยงามของเมือง ตลอดจนใช้บริการสระว่ายน้ำ ชายหาด รวมถึงร้านค้า ร้านอาหารและเครื่องดื่มอันหลากหลาย
4. “อมารี กอลล์ ศรีลังกา” เปิดให้บริการต้นปี 2560 ตั้งอยู่บนถนนกอลล์ ใกล้กับป้อมปราการเมืองกอลล์ ประกอบด้วย ห้องพักและห้องสวีตทั้งหมด 172 ห้อง ห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นวิวมหาสมุทร โรงแรมประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ “อมาญา ฟู้ด แกลลอรี่” บาร์บนชั้นดาดฟ้า สระว่ายน้ำสไตล์รีสอร์ตขนาดใหญ่ “บรีซ สปา” และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ การเปิดให้บริการในครั้งนี้นับเป็นการขยายฐานแบรนด์ “อมารี” ในประเทศศรีลังกา ภายหลังจากที่ได้วางรากฐานด้วยการบริหาร 2 โรงแรมภายใต้แบรนด์ “โอโซ่” ในเมืองโคลัมโบ และแคนดี้
5. โครงการภายใต้การพัฒนาในประเทศมาเลเซีย เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2559 จากปัจจุบันที่มีโครงการภายใต้การพัฒนาในประเทศมาเลเซียทั้งหมด 4 โครงการ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ 3 แบรนด์หลักของ “ออนิกซ์ฯ” คือ “อมารี”, “โอโซ่” และ “ชามา” จะตั้งอยู่ในประเทศเดียวกันนอกเหนือจากประเทศไทย โครงการแรกคือ “อมารี ยะโฮร์ บาห์รู” ประกอบด้วยห้องพัก 242 ห้อง กำหนดเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2559 “โอโซ่ ปีนัง” โรงแรมภายใต้แบรนด์ “โอโซ่” แห่งแรกในประเทศมาเลเซีย ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 135 ห้อง กำหนดเปิดให้บริการในช่วงต้นปี 2560 ขณะเดียวกันยังมีโรงแรมที่ได้เซ็นสัญญาไปแล้ว 2 แห่ง คือ “ชามา เมดินี” ประกอบด้วยเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวน 232 ห้อง และ “โอโซ่ เมดินี” ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 198 ห้อง โดยทั้ง 2 โครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ยูเอ็มซิตี้ เมดินี เลคไซด์” (UMCity Medini Lakeside) มีกำหนดจะเปิดให้บริการในปี 2561
6. โครงการภายใต้การพัฒนาในประเทศจีน “ออนิกซ์ฯ” มีโครงการที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการพัฒนาในประเทศจีนมากมาย ภายใต้แบรนด์ “อมารี”, “โอโซ่” และ “ชามา” โดยมีโครงการสำคัญ ได้แก่ “ชามา พาเซา กวางเจา” กำหนดเปิดให้บริการในปี 2559 “ชามา เฉาเจียตู เซี่ยงไฮ้” กำหนดเปิดให้บริการในปี 2560 รวมถึง “โอโซ่ ชิชิ เซี่ยเหมิน” และโครงการภายใต้แบรนด์ “ชามา” ในเมืองปักกิ่ง, เฉิงตู และต้าลี่ ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2561